จากพลทหาร สู่นายพล เปิดประวัติ พลตรีมานพ แฝดกลาง เริ่มต้นด้วยการจับใบดำ-ใบแดง เสี่ยงดวงเผื่อไม่ติดทหาร แต่ได้รับโอกาสจากกองทัพบกจนติดยศนายพล
ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมากองทัพไทยจะเริ่มเปิดโอกาสให้พลทหาร สามารถมาเจริญก้าวหน้าในสายอาชีพทหารได้ ผ่านการเพิ่มโควตานักเรียนนายสิบ ที่มาจากพลทหาร ซึ่งในอนาคตกองทัพมีแผนที่จะเปิดรับนักเรียนนายสิบจากพลทหาร 100% ถ้าหากว่าผลการทดลองในช่วงนำร่องนี้มีผลลัพธ์ที่ดี
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงมีข้อครหาว่ากองทัพจะเปิดโอกาสให้แก่ผู้ที่มาจากพลทหารจริงหรือ บางคนถึงกับกล่าวว่า ไม่มีทางที่พลทหารไทยจะก้าวขึ้นสู่ยศนายพลเหมือนอย่างในกองทัพสหรัฐเลยด้วยซ้ำไป
แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว ในกองทัพบกไทยนั้น มีนายพลที่เริ่มต้นชีวิตราชการในตำแหน่งพลทหารมาก่อน ปัจจุบัน ครองยศพลตรี และยังไม่เกษียณอายุราชการ
ก่อนจะมาเป็นทหาร
พลตรี มานพ ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาลูกอีสานที่มีโอกาสได้เรียนหนังสือถึงแค่ชั้น ม. 6 และเมื่อจบการศึกษาจึงเดินทางเข้ามาทำงานต่อในกรุงเทพ จนได้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปในโรงงานทอกระสอบเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีความสุขกับการทำงานดี
จนกระทั่งได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหาร ซึ่งในเวลานั้นเขา “ไม่ได้อยากเป็นทหารเลย” จึงตัดสินใจเสี่ยงจับใบดำ-ใบแดง ซึ่งปรากฏว่าจับได้ใบแดง ติดกองทัพบกผลัดที่ 2 ซึ่งในเวลานั้นตกใจมาก แต่ตัดสินใจกัดฟันสู้ ด้วยถือว่าในเมื่อเป็นลูกผู้ชายก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
แต่ถึงกระนั้น ในช่วงแรกของการเข้ารับการเกณฑ์ทหารนั้น พลตรี มานพ ก็ยังคงกลัวอยู่ดี เนื่องจากว่ามักจะมีข่าวว่าการเป็นทหารนั้นจะต้องเข้ารับการฝึกที่หนักหน่วง และโหดร้าย แต่เมื่อได้มาสัมผัสแล้วพบว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาร่ำลือกันเลย
สิ่งที่ได้ก็คือความเอาใจใส่และเมตตาของครูฝึกทหาร ซึ่งสามารถเปลี่ยนพลเรือนให้กลายเป็นพลทหารได้อย่างสมภาคภูมิ และสิ่งที่ได้มากกว่าการฝึกก็คือเพื่อนทหารด้วยกัน
“ผมมั่นใจว่าหลักสูตรทุกหลักสูตรของทหาร เป็นหลักสูตรที่พวกเราเท่ากัน เข้ามาพร้อมกัน ได้อะไรเท่ากัน กินพร้อมกัน นอนพร้อมกัน แล้วครูฝึกก็ปฎิบัติให้เหมือน ๆ กัน”
จากพลทหาร สู่นักเรียนนายร้อย
เมื่อเป็นทหารเกณฑ์ครบ 2 ปี จนใกล้จะปลดประจำการ กองทัพบกก็มีนโยบายที่เปิดกว้างให้มีการฝึกอาชีพให้แก่พลทหาร เพื่อการเตรียมความพร้อมให้พลทหารได้กลับไปใช้ชีวิตพลเรือนอย่างมีคุณภาพ มีวินัย และอาชีพที่มั่นคง
อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้พลทหารปีที่ 2 ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนได้มีโอกาสได้เข้าสอบในโรงเรียนนายสิบทหารบก ซึ่งในโรงเรียนนายสิบ พลตรีมานพ สอบได้ที่ 1 ของรุ่น จึงมีโอกาสได้เข้ารับการศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
แรกเข้าสู่โรงเรียนนายร้อย
ก่อนที่จะมาเป็นนักเรียนนายร้อยนั้น พลตรีมานพไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย อยู่ที่ไหนก็ยังไม่ทราบ เนื่องจากไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าตนเองจะได้มีโอกาสเข้าสู่รั้วโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
นอกจากนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่โรงเรียนนายร้อยนั้น พลตรีมานพเข้าใจว่าโรงเรียนนายร้อยนั้น “ต้องเป็นของลูกท่านหลานเธอ” ในขณะที่ตนเองนั้นมาจากโรงเรียนนายสิบ และมีอายุมากกว่าเพื่อนร่วมรุ่น แต่เมื่อได้เข้าไปเรียนจริง ๆ แล้วพบว่าไม่ได้ถูกแบ่งแยกเลยว่า มีแต่เพียงเพื่อนนักเรียนด้วยกัน
“ผมมั่นใจว่าโรงเรียนนายร้อยมีความยุติธรรม และความเสมอภาค ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน สิ่งที่เราได้เหมือนกัน เท่ากัน กล้าพูดว่าระบบนักเรียนนายร้อยสร้างพวกเรามาให้พวกเราเป็นพี่น้องกัน รักกัน ช่วยเหลือกัน ” พลตรีมานพกล่าว
ไต่เต้าขึ้นสู่ยศพลตรีได้อย่างไร
หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อย พลตรีมานพ ตั้งใจรับราชการมาเรื่อย ๆ ด้วยความตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เลื่อนยศ
“เรามีหน้าที่ทำงาน การที่เราจะได้ดี ได้เป็น อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณา โชคดีที่ได้เจอแต่ผู้บังคับบัญชาที่มีความยุติธรรม ก็เลยได้เจริญเติบโตตามแนวทางราชการเป็นลำดับ” พลตรีมานพกล่าว
อยากฝากอะไรถึงพลทหารใหม่
พลตรีมานพกล่าวว่า พลทหารในปัจจุบันนี้ได้รับสิทธิมากกว่าในรุ่นของตนเองค่อนข้างมาก และสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนเข้ามาเป็นทหารนั้น มีเพียงตัวและหัวใจเท่านั้นก็พอแล้ว นอกนั้นกองทัพจัดเตรียมไว้ให้หมด
และสิ่งที่จะได้จากกองทัพก็คือความสามารถ เพราะกองทัพจะฝึกสอนให้เรามีความรู้ความสามารถตลอดอายุการรับราชการทหาร อีกทั้งยังมีการฝึกและการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งล้วนแต่เป็นประสบการณ์ให้แก่ทหารทั้งนั้น
อีกทั้งกองทัพยังเปิดโอกาสให้มีความเจริญก้าวหน้าในสายอาชีพทหาร ผ่านการเข้าเรียนในโรงเรียนนายสิบ และโรงเรียนนายร้อยตามลำดับ ซึ่งทหารเกณฑ์รุ่นใหม่ ๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จเช่นตนเองได้เช่นกัน
ยังมีพลทหาร ที่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยอีกหรือไม่
จากข้อมูลที่เพิ่งเปิดเผยล่าสุดของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ในปีการศึกษาล่าสุด มีนักเรียนนายร้อย จปร. รุ่น 71 ซึ่งในปัจจุบันเข้ารับการศึกษาในชั้นปีที่ 5 ที่มาจากพลทหารอยู่ 5 นาย อีกทั้งกองทัพนั้นมีแผนที่จะขยายโอกาสให้แก่พลทหารมากขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจจะรับนักเรียนนายสิบที่มาจากพลทหาร 100%
จึงอาจจะกล่าวได้ว่า โอกาสสำหรับพลทหารในกองทัพไทยในอนาคตนั้น เปิดกว้างมากกว่าเดิม และในอนาคตเราอาจจะได้เห็นนายพลที่มาจากพลทหารมากกว่าเดิม