
ให้คำปรึกษาสุขภาพจิต ผ่านระบบ tele-medicine ฟรี มูลนิธิกำแพงพักใจ x สปสช. เปิดให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น OOCA นำร่องในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15 – 25 ปี ในพื้นที่ กทม.
มูลนิธิกำแพงพักใจ ชวนเยาวชนในพื้นที่ กทม. หากมีภาวะเครียด ซึมเศร้า สามารถใช้สิทธิบัตรทอง รับบริการปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตจากจิตแพทย์ นักจิตวิทยา ผ่านแอปฯ OOCA ได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย ระบุ หวังเป็นจุดเริ่มต้นของการให้บริการ tele-medicine ด้านสุขภาพจิตในอนาคต
ทพญ.กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกำแพงพักใจ (Wall of Sharing) เปิดเผยว่า ขณะนี้ มูลนิธิฯ ได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 13 กทม. เปิดให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มวัยรุ่น ด้วยระบบ tele-medicine ผ่านแอปพลิเคชัน OOCA
และเชิญชวนกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-25 ปี และมีทะเบียนบ้านอยู่ในพื้นที่ กทม. หากรู้สึกว่ามีอาการเครียด หรือซึมเศร้า สามารถใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) เข้ามารับคำปรึกษาจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ในปัจจุบันปัญหาสุขภาพจิตเป็นประเด็นที่พบเยอะมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่พบปัญหานี้มากกว่าในอดีตถึง 10 เท่า และสาเหตุการเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มเยาวชนก็คือการฆ่าตัวตาย สะท้อนว่าสังคมไทยสูญเสียเยาวชนจำนวนมากจากปัญหาสุขภาพจิต ทั้งที่เป็นเรื่องที่ป้องกันหรือรักษาได้
แต่เนื่องจากเยาวชนจำนวนหนึ่งที่ขาดกำลังทรัพย์ หรือแม้จะมีกำลังทรัพย์แต่สภาพแวดล้อมไม่เอื้อให้เข้าไปรับบริการ ทำให้คนกลุ่มนี้ขาดโอกาสที่จะเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิต
จึงมีการก่อตั้งมูลนิธิกำแพงพักใจ และจัดทำโครงการ Wall of sharing ในปี 2562 เพื่อช่วยให้เยาวชนที่เป็นนักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป นักศึกษาปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยของรัฐ และแพทย์ใช้ทุนปี 1 ได้เข้าถึงจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาจากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต ผ่านแอปฯ OOCA โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
และในปี 2566 ที่ผ่านมาทางมูลนิธิฯได้รับการสนับสนุนจาก สปสช. เขต 13 กทม. ในการจัดทำโครงการพิเศษดูแลเยาวชนที่มีทะเบียนบ้านใน กทม. อายุ 15-25 ปี เพิ่มขึ้นมาด้วย ซึ่งเชื่อว่าโครงการฯ นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการผลักดันให้เกิดบริการ tele-medicine ด้านสุขภาพจิตที่มีความทั่วถึง ถ้วนหน้า สำหรับทุกคนต่อไปในอนาคต
“การนำเทคโนโลยี tele-medicine มาให้บริการผ่านแอปฯ OOCA ทำให้เยาวชนมีโอกาสเข้าถึงบริการมากขึ้น ได้มีช่องทางส่วนตัวให้เข้าไปพูดคุยปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตเมื่อไหร่ก็ได้ เชื่อว่าถ้าเขามีโอกาสได้เริ่มเข้ามาพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่ทำให้เขาไม่กลัวเวลาเกิดปัญหาด้านจิตใจและสามารถดูแลตัวเองได้” ทพญ.กัญจน์ภัสสร กล่าว