เผยสาเหตุการเสียชีวิตของพลทหารศิริวัฒน์ ‘พล.อ.ณัฐพล’ ย้ำ ก.กลาโหมจะเพิ่มความเข้มงวดเพื่อปกป้องชีวิตของพลทหาร
ในการประชุมวุฒิสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 นัดแรก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะตัวแทนที่ได้รับการมอบหมายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ได้ลุกขึ้นตอบคำถาม ในกรณีที่พลทหารศิริวัฒน์ ใจดี สังกัดกรมสารวัตรทหารเรือ กองทัพเรือ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2567 หลังเข้ารับการฝึกทหารทหารเกณฑ์ผลัด 1/ 2567 และย้ายหน่วยฝึกเข้ากรมสารวัตรทหารเรือได้เพียง 1 วัน
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของพลทหารศิริวัฒน์เป็นอย่างยิ่งและยืนยันว่ากระทรวงฯ มีนโยบายอย่างเคร่งครัด กวดขันเพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ จากรายงานคำวินิจฉัยทางการแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ พบว่าพลทหารศิริวัฒน์นั้น เสียชีวิตจากระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว และไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกายภายนอกร่างกายและอวัยวะภายในร่างกาย
อีกทั้งพลทหารศิริวัฒน์นั้น ได้ผ่านการฝึกทหารใหม่มาแล้ว อีกทั้งรายการการฝึกในวันนั้น มีการฝึกพื้นฐานทหารราบ 30 นาทีในช่วงเช้า และช่วงบ่ายไม่มีการฝึกจนกระทั่งเวลา 15.00 น. ที่มีการฝึกพื้นฐานทหารราบอีกครั้งเป็นเวลา 30 นาที และให้พักผ่อนอีกครั้งจนกระทั่ง 16.30 น. เริ่มการฝึกออกกำลังกายโดยวิธีการวิ่งและเดิน ก่อนจะออกกำลังกายอยู่กับที่ จึงไม่เป็นสาเหตุให้ร่างกายของพลทหารศิริวัฒน์ทนรับการฝึกไม่ได้
ซึ่งจากผลการตรวจเลือด พบว่าไม่เกิดภาวะฮีทสโตรก (โรคลมแดด – ภาวะที่ร่างกายมีความร้อนสูงมากเกินไปจากการใช้งานร่างกายอย่างหนัก เช่นทำงาน หรือออกกำลังกาย) ซึ่งบ่งชี้ว่าพลทหารไม่ได้รับการฝึกที่หนักหรือทรมานจนเกิดอันตรายกับร่างกาย
อีกทั้งในช่วงเวลา 16.30 น. นั้น ไม่ใช่การบังคับให้วิ่ง แต่ให้เดินออกกำลังกาย ซึ่งมีผู้พบเห็นว่าพลทหารศิริวัฒน์ เดินไปพักคอยเพื่อนๆ ที่ใต้ต้นไม้ ดังนั้นการกระทำของครูฝึกจึงไม่เข้าข่าย และเมื่อเสร็จสิ้นจากการออกกำลังกาย ครูฝึกก็ปล่อยให้ไปพักผ่อนเพื่อรอเวลารับประทานอาหารเย็น
ซึ่งในช่วงเวลานี้ เพื่อน ๆ พลทหารพบเห็นพลทหารศิริวัฒน์เดินไปซื้อน้ำอัดลม และเกิดอาการหน้ามืดจะเป็นลมในระหว่างดื่มน้ำอัดลม จึงนอนราบไปกับพื้น โดยมีเพื่อน ๆ พลทหารให้ความช่วยเหลือและพาไปที่โต๊ะครูเวรเพื่อเช็ดตัวและเปิดพัดลมให้พลทหารศิริวัฒน์ ก่อนที่ครูเวร จะเตะไปที่ขาของพลทหารศิริวัฒน์นั้น พลทหารศิริวัฒน์ได้ดิ้นส่ายไปมา ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
และเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ครูฝึกให้เพื่อนทหารพาตัวพลทหารศิริวัฒน์ไปรับประมาทอาหารเย็น แต่พลทหารศิริวัฒน์ ไม่สามารถนั่งกับพื้นได้ จึงต้องเอนกับพื้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น พลทหารศิริวัฒน์ไม่ได้ถูกควบคุมตัวไว้
การกระทำของครูฝึกจึงไม่เป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็น ตามมาตรา 3 ของพ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและการกระทำที่บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565
ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนวินัย ได้สรุปผลการสอบสวน พบว่าผู้บัญชาการกองร้อยการฝึก และนายทหารเวร ต่างก็บกพร่องในการกำกับดูแลการฝึกทหาร จึงได้สั่งให้มีการลงโทษไปแล้ว ในขณะที่ครูฝึกให้การยอมรับว่าตนเองใช้ความรุนแรงต่อพลทหารศิริวัฒน์จริง จึงขอยอมรับผิดและลงทัณฑ์ในสิ่งที่ทำลงไป
สำหรับการเยียวยานั้น กระทรวงกลาโหมพิจารณาจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย ทำขวัญ และอื่นๆ ให้ผู้เสียหายหรือทายาทโดยชอบธรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายเป็นเงินสดจำนวน 1 แสนบาท และเงินค่าใช้จ่ายจัดการศพ ในกรณีใช้เงินซึ่งข้าราชการในหน่วยบริจาคร่วมกันมอบเป็นเงินค่าชดเชยให้ญาติผู้เสียหาย และผู้กระทำผิดลงโทษที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
และถ้าหากว่าญาติของพลทหารศิริวัฒน์เห็นว่าเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.อุ้มหายฯ ก็ส่งฟ้องต่อได้ โดยกองทัพพร้อมอำนวยความสะดวก
ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมได้กำหนดมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกดังนี้
1 เน้นย้ำและเผยแพร่มาตรการควบคุมการลงทัณฑ์ให้เป็นไปตามกฎหมายและธรรมเนียมให้ทหารเกณฑ์ทราบ
2 เผยแพร่อบรมให้ทหารเกณฑ์รับทราบถึงการลงทัณฑ์หรือลงโทษที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งสามารถดำเนินการทางวินัยร้ายแรง และคดีอาญาได้ และสามารถเอาผิดถึงขั้นให้ออกจากราชการได้
3 พิจารณาความเหมาะสมของผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ครูฝึกทหาร ครูปกครอง ที่จะต้องเป็นผู้มีศักยภาพและผู้นำทางทหาร มีภาวะผู้นำ มีคุณธรรม จริยธรรม
สำหรับกรณีที่เห็นพฤติกรรมการลงโทษที่ไม่เหมาะสม ให้ห้ามปรามและรายงานผู้บังคับบัญชาโดยด่วน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าระงับเหตุทันที หากไม่แจ้งบุคคลที่เกี่ยวข้องถือว่าเป็นการกระทำผิด หรือเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนร่วม จะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบด้วย
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่ากระทรวงกลาโหมให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้มาก ทำให้กระทรวงได้ตัดสินใจแล้วว่า จะต้องมีมาตรการที่เด็ดขาดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก และจะดำเนินการมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด