Newsเตรียมรับมือภาษีคาร์บอน ‘พานิชย์’ เตือนยุโรปเริ่มมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน ปรับใช้เต็มรูปแบบ 1 ม.ค. 2569

เตรียมรับมือภาษีคาร์บอน ‘พานิชย์’ เตือนยุโรปเริ่มมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน ปรับใช้เต็มรูปแบบ 1 ม.ค. 2569

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2567 สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า นายพูนพงษ์นัยนาภากรณ์ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าได้ติดตามสถานการณ์ นโยบาย และมาตรการสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้า

 

ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาสหภาพยุโรป ได้บังคับใช้มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) อย่างเป็นทางการกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยอยู่ในช่วระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน พร้อมแนะผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย เตรียมความพร้อมรองรับการบังคับใช้มาตรการอย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนปรับตัวสู่การเติบโตสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

 

สนค. ได้ติดตามความคืบหน้าของมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ที่เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ Fit For 55 ภายใต้นโยบายแผนปฏิรูปสีเขียว (European Green Deal) ของสหภาพยุโรป 

 

มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม และขจัดข้อได้เปรียบด้านราคาของสินค้าที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงซึ่งนำเข้ามาจากประเทศที่มีมาตรฐานด้านก๊าซเรือนกระจกเข้มงวดน้อยกว่า 

 

โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับสินค้านำเข้าประเภทที่มีการปล่อยคาร์บอนจำนวนมากในกระบวนการผลิต และมีความเสี่ยงอย่างมากต่อการรั่วไหลของก๊าซเรือนกระจก ครอบคลุมสินค้า 6 กลุ่ม ได้แก่

(1) เหล็กและเหล็กกล้า
(2) อลูมิเนียม
(3) ซีเมนต์
(4) ปุ๋ย

(5) ไฟฟ้า
(6) ไฮโดรเจน 

 

(ครอบคลุมสินค้าปลาย้ำบางรายการ อาทิ นอตและสกรูที่ทำจากเหล็กและเหล็กกล้า และสายเคเบิลที่ทำจากอลูมิเนียม) ซึ่งกรอบเวลาของมาตรการ CBAM แบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ

(1) ระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2568 ที่ผู้นำเข้าสินค้าในสหภาพยุโรปมีหน้าที่รายงานข้อมูลรายไตรมาส อาทิ ปริมาณสินค้านำเข้า และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Embedded Emission) ซึ่งแต่ละสินค้าจะมีชนิดของก๊าซเรือนกระจก ที่ต้องรายงานแตกต่างกัน 

 

คือ กลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า ซีเมนต์ไฟฟ้า และไฮโดรเจน รายงานเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) กลุ่มปุ๋ย รายงาน CO2 และไนตรัสออกไซด์ (N2O) และกลุ่มอลูมิเนียม รายงาน CO2 และเพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFCs) ทั้งนี้ผู้นำเข้าต้องยื่นขอสถานะเป็น CBAM Declarant และผู้ประกอบการไทย (ผู้ส่งออก) ต้องขึ้นทะเบียนในระบบ CBAM Registry ภายใน 31 ธันวาคม 2567 

 

(2) ระยะบังคับใช้มาตรการอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ผู้นำเข้าจะต้องซื้อใบรับรอง CBAM (CBAM Certificate) ตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะอ้างอิงตามราคาซื้อขายใบอนุญาตการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในตลาดสหภาพยุโรป (ราคาอยู่ที่ประมาณ 78.23 ยูโร/ตันคาร์บอน ณ วันที่ 2 มกราคม 2567) ทั้งนี้หลังจากปี 2569 อาจพิจารณาขยายขอบเขตไปยังสินค้าอื่นเพิ่มเติม อาทิ เคมีภัณฑ์อินทรีย์และโพลิเมอร์ 

 

เมื่อพิจารณาสินค้าภายใต้มาตรการ CBAM พบว่า การส่งออกสินค้า CBAM ของไทยไปสหภาพยุโรปในปี 2565 มีมูลค่า 479.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 2.12 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดของไทยไปสหภาพยุโรป และเป็นร้อยละ 5.47 ของมูลค่าการส่งออกสินค้า CBAM จากไทยไปตลาดโลก 

 

โดยเหล็กและเหล็กกล้า มีมูลค่าส่งออกมากที่สุด อยู่ที่ 369.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 1.64 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของไทยไปสหภาพยุโรป และร้อยละ 6.80 ของการส่งออกสินค้าเหล็กและเหล็กกล้าของไทยไปตลาดโลก) 

 

รองลงมาเป็นอลูมิเนียม มีมูลค่าส่งออก 109.70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ0.49 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของไทยไปสหภาพยุโรป และร้อยละ 3.82 ของการส่งออกสินค้าอลูมิเนียมของไทยไปตลาดโลก) 

 

และปุ๋ย มีมูลค่าส่งออก 0.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 0.00008 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของไทยไปสหภาพยุโรป และร้อยละ 0.004 ของการส่งออกสินค้าปุ๋ยของไทยไปตลาดโลก) ขณะที่ไทยไม่มีการส่งออกกลุ่มซีเมนต์ ไฟฟ้า และไฮโดรเจน ไปสหภาพยุโรป



สนค. ยังได้ติดตามสถานการณ์การเตรียมความพร้อม และการปรับตัวของประเทศไทย ในระยะเวลาเปลี่ยนผ่านพบว่า ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกันส่งเสริมผู้ประกอบการจัดทำฉลากคาร์บอนฟุตพรินท์ขอผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product : CFP) ซึ่งเป็นการคนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ที่สามารถนำไปใช้วางแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยมีองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) เป็นหน่วยงานรับรอง CFP ทั้งนี้การจัดทำ CFP มีขอบเขตการวัดตลอดทั้งวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์และมีหลักการจัดทำข้อมูลในรูปแบบใกล้เคียงกับ Embedded Emission ผู้ประกอบการที่จัดทำ CFP จึงสามารถนำหลักการมาปรับใช้กับการรายงาน Embedded Emission ของ CBAM ได้

 

นอกจากนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียมไทย มีการดเนินโครงการจัดทำฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม เพื่อรองรับมาตรการ CBAM ที่มีสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมเข้าร่วมโครงการ จำนวน 11 บริษัท โดยเป็นการดำเนินงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะ

และวัสดุแห่งชาติสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) 

 

ซึ่งฐานข้อมูลนี้ ทำให้ประเทศไทยมีค่ากลางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม สำหรับการรายงานตามกรอบ CBAM และสามารถต่อยอดปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามความคืบหน้าและศึกษารายละเอียดของมาตรการ CBAM รวมถึร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อบก. ส.อ.ท. และคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ แลอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไทย 

 

ทั้งนี้กระแสความตื่นตัวของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตสินค้า และกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ส่งผลให้มาตรการ CBAM เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สร้างแรงกดดันให้กับการค้าโลก เนื่องจากในอนาคตอาจมีแนวโน้มที่ประเทศอื่น อาทิ สหรัฐฯ แคนาดา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย จะใช้มาตรการในลักษณะเดียวกันกับ CBAM 

 

ประกอบกับ การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 หรือ COP28 ที่ผ่านมา ได้บรรลุข้อตกลงเปลี่ยนผ่านการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (Transition Away from Fossil Fuels) ซึ่งเป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่ตอกย้ำความจำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากพลังงานฟอสซิล และเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานทดแทนใหม่

 

นายพูนพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าตามรายการ CBAM ของไทยไปสหภาพยุโรปจะมีมูลค่าไม่มาก แต่การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยมีองค์ความรู้ในการจัดทำข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดกระบวนการผลิต และปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไปสู่การดำเนินธุรกิจคาร์บอนต่ำ 

 

ไม่เพียงแต่ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการ CBAM อย่างเต็มรูปแบบเท่านั้น แต่ถือเป็นโอกาสในการยกระดับการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้สามารถปรับตัวรองรับกับสถานการณ์โลกและสถานการณ์ของประเทศคู่ค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


เพื่อให้พร้อมรับมือกับการที่หลายประเทศเริ่มทยอยออกมาตรการทางการค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับแนวโน้มการค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่จะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า