
กำแพงภาษีคาร์บอนสะดุด ยุโรปจ่อลดข้อจำกัดภาษีคาร์บอน CBAM ที่สร้างภาระให้ภาคเอกชนมากเกินไป
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) รายงานว่า คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (EU) กำลังดำเนินการปรับลดกฎระเบียบเกี่ยวกับกลไกการปรับปรุงราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM)
เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่กว่า 91% ที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญกับภาระด้านระบบราชการที่สูง โดยมีการเสนอให้ง่ายขึ้นในการรายงานข้อมูล การเก็บข้อมูลจะถูกปรับเพื่อลดความซับซ้อน โดยเฉพาะสำหรับวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่จะได้รับการยกเว้นจาก CBAM
CBAM จะต้องชำระโดยผู้นำเข้าเหล็ก อลูมิเนียม ซีเมนต์ และปุ๋ย จากนอก EU เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ผู้ผลิตในยุโรปจะไม่เสียเปรียบเนื่องจากพวกเขาต้องซื้อคาร์บอนเครดิต (สิทธิ์ในการปล่อยก๊าซ CO2 เพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์ที่สร้าง CO2 เข้มข้น) การกำหนด CBAM มีจุดประสงค์หลักเพื่อชดเชยข้อเสียเปรียบในการแข่งขันนี้ อีกทั้งเพื่อจูงใจผู้ผลิตที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในยุโรปให้ลดการปล่อยมลพิษของตนลง
อย่างไรก็ตาม ผู้นำเข้าสินค้าที่มี CBAM ในปริมาณน้อยจะได้รับการยกเว้นจากกลไกดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้ 99% ของการนำเข้าได้รับการคุ้มครองภายใต้ CBAM
โดยร่างกฎหมายระบุว่า การยกเว้นนี้เกิดขึ้นเพราะว่า ภาระด้านการบริหารจัดการที่เกิดขึ้นกับบริษัทสูงกว่าประโยชน์ที่ได้รับด้านนิเวศวิทยา และด้านกฎระเบียบมาก ภายใต้แผนการปฏิรูปนี้ มีเพียงผู้นำเข้าที่นำเข้าสินค้าปริมาณมากที่จะตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม CBAM เท่านั้น
ขณะนี้กฎหมายอยู่ในช่วงทดลอง และมีกระบวนการที่จะทำให้กฎระเบียบต่าง ๆ ง่ายขึ้นควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายด้านความยั่งยืน ทั้งนี้ มีการสนับสนุนจากหลายฝ่าย แต่ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับการนำกฎหมายไปใช้จริงในอนาคต
อ่านรายงานฉบับเต็มของ DITP – https://www.ditp.go.th/post/198897
—
สำหรับ CBAM หรือ มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน นั้น อาจจะมองว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของ “กำแพงภาษีคาร์บอน” ได้เนื่องจาก
1 มีการเก็บค่าธรรมเนียม
โดย CBAM เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากสินค้านำเข้าที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงในกระบวนการผลิต โดยค่าธรรมเนียมนี้มีจุดประสงค์เพื่อปรับราคาของสินค้านำเข้าให้สะท้อนถึงต้นทุนการปล่อยคาร์บอนที่แท้จริง
2 เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในยุโรป
โดย CBAM มีเป้าหมายเพื่อป้องกัน “การรั่วไหลของคาร์บอน” (Carbon Leakage) ซึ่งหมายถึงการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่อ่อนแอกว่า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตใน EU ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการปล่อยคาร์บอนที่เข้มงวด สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าที่มีราคาถูกกว่าได้
3 สร้างแรงจูงใจในการลดการปล่อยคาร์บอน
โดยสามารถกระตุ้นให้ประเทศผู้ส่งออกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม และในระยะยาว มาตรการนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการผลิตทั่วโลกให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่า CBAM ไม่ได้มีลักษณะเป็นภาษีศุลกากรแบบดั้งเดิมทั้งหมด แต่เป็นการปรับราคาคาร์บอนเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางการแข่งขัน