
กลุ่มต้านรัฐบาลเริ่มโผล่ สนธิประกาศตรวจสอบและอาจขับไล่รัฐบาลหลังปีใหม่ ด้านจตุพรประกาศ 5 ตุลาคมนี้ เริ่มการเคลื่อนไหว
ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองในสภาจะแผ่วบางลงไป ภายหลังความเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองของพรรคประชาชน แกนนำพรรคฝ่ายค้าน จากข้อผิดพลาดในการอภิปรายเรื่องสิทธิของแรงงานเมียนมาในประเทศไทย ท่ามกลางวิกฤตน้ำท่วม จนถูกเรียกว่า “พรรคประชาชนพม่า” ซึ่งทำให้พรรคประชาชนต้องจัดประชุมเพื่อปรับแผนแก้ไขสถานการณ์
แต่การเมืองนอกสภากลับเริ่มร้อนระอุ หลังจากที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ว่าในต้นปีหน้าตนเองจะออกมาเคลื่อนไหวใน 3 เรื่องได้แก่
1 จะยื่นหนังสือถึง น.ส. แพทองธาร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ติดตามคดีที่ตนเองถูกลอบยิง (ด้วยอาวุธสงครามเกือบ 70 นัด) เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2552 และยังคงจับตัวคนร้ายไม่ได้ แต่ก็พอเดาได้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง
2 จะยื่นหนังสือถึงนายกฯ ว่าเหตุใดจึงมีชาวเมียนมาลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอยู่เป็นจำนวนมาก และขอให้ยืนยันว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทนั้น จะขึ้นให้เฉพาะแก่แรงงานคนไทยเท่านั้น ส่วนแรงงานเมียนมาจะได้เท่าเดิม
และจะยื่นหนังสือถึง รมว. ศึกษาธิการว่า เหตุใดจึงมีการตั้งโรงเรียนของชาวเมียนมาในประเทศไทย ซึ่งไม่ทราบว่าได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่ และเหตุใดจึงให้มีการร้องเพลงชาติเมียนมา แต่ไม่ให้ร้องเพลงชาติไทย
3 ตนเองจะปล่อยให้รัฐบาลได้ทำงานไปก่อนในไตรมาสแรกของปีหน้า (2568) แต่ถ้าหากรัฐบาลทำอะไรไม่ถูกต้องหรือผิดจริยธรรม ตนเองจะถือว่ารัฐบาลนี้ไม่สมควรจะมีอยู่อีกต่อไป
นายสนธิยังกล่าวด้วยว่าเรื่องที่ 1 และ 2 จะเป็นการซ้อมเดิน ส่วนเรื่องที่ 3 นั้นคือการเดินจริง และจะเป็นการเดินครั้งสุดท้ายในชีวิตของตน
—
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกมาประกาศในวันนี้ (2 ต.ค. 2567) เพื่อเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมงาน “ประเทศไทย อดีต ปัจจุบัน อนาคต” ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี
“ขอเชิญสื่อมวลชนมาร่วมงานด้วย เพราะคณะหลอมรวมประชาชนจะได้พูดคุยถึงก้าวย่างถัดจากนี้ไปว่า จะทำอะไรบ้าง จะออกแบบการเดินกันอย่างไร ซึ่ง 5 ตุลาคมนี้จะมีคำตอบเพื่อเป็นทางออกของประชาชนและประเทศทั้งในกรณีบ่อนคาสิโน แลนด์บริดจ์กลบซ่อนให้ทุนต่างชาติฮุบที่ดิน 3 แสนไร่ 99 ปี ดังนั้น การเคลื่อนไหวจึงไม่ใช่มิติของการประหัดประหารกันทางการเมืองเพียงอย่างเดียว” นายจตุพรกล่าว