
“AI อาจทำให้ทุกคนตกงาน” อีลอน มัสก์ เตือนการมาของ AI อาจเปลี่ยนทุกอย่าง เพราะหลายอย่าง AI เข้ามาทำแทนที่มนุษย์ได้แล้ว
อีลอน มัสก์ มองว่า AI มีศักยภาพที่จะกลายเป็นพลังแห่งการทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และจะมาถึงจุดที่ไม่จำเป็นต้องมีงานทำ เนื่องจาก AI จะสามารถทำทุกอย่างได้
อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชื่อดังเจ้าของบริษัท Tesla, SpaceX, X หรือชื่อเดิม Twitter รวมถึง xAI บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) ในงานอีเว้นท์ที่จัดขึ้น ณ เฮาส์ออฟแลงคัสเตอร์ ทำเนียบรัฐบาลของสหราชอาณาจักรว่า AI มีศักยภาพที่จะกลายเป็นพลังแห่งการทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
“เราจะมีสิ่งที่ฉลาดกว่ามนุษย์ที่อัจฉริยะที่สุดเป็นครั้งแรก มันยากที่จะบอกว่า ณ เวลานั้นจะเป็นเช่นไร แต่จะมาถึงจุดที่ไม่จำเป็นต้องมีงานทำ… เราสามารถทำงานได้ ถ้าต้องการทำเพื่อความพึงพอใจส่วนตัว แต่ AI จะสามารถทำทุกอย่างได้”
มัสก์ เคยเตือนหลายครั้งถึงภัยคุกคามที่ AI มีต่อมนุษยชาติ โดยได้กล่าวไว้ว่า AI อาจอันตรายกว่าอาวุธนิวเคลียร์
มัสก์ ยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีหลายคนที่ออกมาเรียกร้องให้หยุดการพัฒนา AI ที่ล้ำหน้ากว่าซอฟต์แวร์ GPT-4 ของ OpenAI ในจดหมายเปิดผนึกที่เผยแพร่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้นำด้านเทคโนโลยีคนอื่นๆ ไม่เห็นด้วยกับมุมมองดังกล่าว รวมถึง อเล็กซ์ คาร์ป ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Palantir บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลสัญชาติอเมริกัน ซึ่งเคยแสดงความเห็นผ่าน BBC Radio เมื่อเดือนมิถุนายนว่า “พวกที่ออกมาเรียกร้องให้หยุดพัฒนา AI ทำเช่นนั้นเพราะพวกเขายังไม่มีผลิตภัณฑ์ AI”
ความคิดเห็นของ อีลอน เป็นไปตามบทสรุปของการประชุมสุดยอดครั้งสำคัญที่ Bletchley Park ประเทศอังกฤษ ซึ่งผู้นำโลกหลายคนมีจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เทคโนโลยี AI มีต่อมนุษยชาติ
การประชุมสุดยอดดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่ทะเลาะกันเรื่องเทคโนโลยีอย่างตึงเครียดที่สุด ตกลงที่จะหาฉันทามติจากทั่วโลกเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับคำถามที่ซับซ้อนที่สุดเกี่ยวกับ AI รวมถึงวิธีการพัฒนาอย่างปลอดภัยและการควบคุม