
“เรื่องแบบนี้เมื่อหน่วยงานเฉพาะหน้าเจอ สามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องรอให้ไปสั่ง เราไม่มีหน้าที่ตัดไฟตามกระแสในโซเชียล ที่กดดันว่าจะตัดไฟกี่โมง”
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในช่วงเช้าวันนี้ว่า ตนเองได้สั่งการให้เลขาฯ สมช. เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง กฟภ. เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาการจ่ายไฟฟ้าในเมียนมา เพราะไม่ต้องการให้มีการโยนกันไปมาระหว่างหน่วยงาน โดยมี สมช. เป็นตัวกลางในการประสานงาน
ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่มีการดำเนินงานกันมาแล้วตั้งแต่สมัยที่เศรษฐา ทวีสิน ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และในการประชุมช่วงเช้านั้น ก็มีความเป็นเอกภาพ ไม่มีการโยนกันไปมา โดยที่ประชุมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยให้ สมช. และกระทรวงมหาดไทย ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดต่อกับเมียนมา
โดยจะมีการดำเนินการตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยเริ่มจากการให้เมียนมาเร่งแก้ไขปัญหาภายในประเทศก่อน หากไม่ดำเนินการ จะมีมาตรการในการจัดการต่อไป และอาจมีการใช้มาตรการตัดไฟครึ่งหนึ่งในบางพื้นที่ เช่น อำเภอแม่ละมาด และแม่สอด จ.ตาก ที่เกี่ยวข้องกับเมืองเมืองชเวโก๊กโก่ เพื่อให้กระแสไฟตก ควบคู่ไปกับมาตรการเจรจา
และในวันที่ 4 ก.พ.เวลา15.00 น. หลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะของจีนจะมาหารือกับตน ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อหารือร่วมกันในเรื่องรายละเอียดการดำเนินการร่วมกัน และทางจีนก็คงจะมีข้อเสนอแนะ ซึ่งตนเห็นว่าจีนแสดงความเคารพต่ออธิปไตยของไทย
และในวันที่ 6 ก.พ. ตนจะเดินทางไปยังชายแดนแม่สอน จังหวัดตาก ซึ่งหลังจากนั้น ก็จะมีการสั่งการที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการตัดไฟครึ่งหนึ่ง เพื่อกดดันให้เมียนมาแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ดีการตัดไฟเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง
อีกทั้งการขายไฟฟ้าให้เมียนมาเป็นการช่วยเหลือประชาชน และจะยังคงดำเนินการต่อไป ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย และหน่วยงานความมั่นคงมีการตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูว่ามีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
สำหรับเมืองชเวโก๊กโก่ เมืองเคเคพาร์ก จังหวัดเมียวดี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้นั้น จะต้องพูดคุยกับจีนด้วย เพราะเกี่ยวข้องกับหลายประเทศ เช่นการเป็นทางผ่าน ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น และตนจะใช้โอกาสนี้ในการจัดการส่วยบริเวณตามแนวชายแดนทั้งหมดด้วย
เมื่อถามว่า การที่ชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าการตัดไฟเป็นอำนาจของกระทรวงกลาโหมนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า แม้ว่าเรื่องการตัดไฟจะเกี่ยวข้องกับความมั่นคง แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ก็จำเป็นต้องสรุปข้อมูลและส่งให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจ
โดยทั้งฝ่ายความมั่นคงและรองนายกฯ ต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันในเรื่องนี้ ไม่ควรโยนความรับผิดชอบไปมา และ สมช. สามารถดำเนินการเรื่องการตัดไฟเมียนมาได้อยู่แล้ว หากพบว่ามีการทำผิดกฎหมายและกระทบต่อความมั่นคง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.
“เรื่องแบบนี้เมื่อหน่วยงานเฉพาะหน้าเจอ ไม่จำเป็นต้องมารอคำสั่งการ สามารถดำเนินการได้ทันที หรือทำเรื่องมาขอ ว่าเกิดเหตุลักษณะเช่นนี้ โดยไม่ต้องรอให้ไปสั่ง เพราะเป็นหน่วยงานปฏิบัติอยู่แล้ว เราไม่มีหน้าที่ตัดไฟตามกระแสในโซเชียล ที่กดดันว่าจะตัดไฟกี่โมง ส่วนที่มีการย้ายตำรวจในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก นั้น จะเกี่ยวกันหรือไม่ผมยังไม่รู้” ภูมิธรรมกล่าว