
การเลื่อน ระดับทางสังคม เงินหรือการศึกษาคืออาวุธที่ดีกว่ากัน ดร.ณพรรษธ์สรฌ์ เสมสันต์ นักวิชาการอิสร
เมื่อบทความที่ก่อนเราพูดถึงการถูกแบ่งแยกโดยมาตรฐานต่าง ๆ ไปแล้ว ดังนั้น ผู้เขียนเลยอยากต่อยอดในเรื่องของการเลื่อนระดับทางสังคมไทย
ในสภาวะทางสังคมและเศรษฐกิจทุกวันนี้ เราทุกคนยังคงตะเกียกตะกายอยากได้อยากมี ไม่ว่าคุณจะมีอยู่แล้วหรือยังไม่มี แต่เชื่อได้ว่าทุกคนอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมในทุกวัน
แม้กระทั่งคนที่มีมาก ก็ยังอยากมีมากขึ้นไปอีก ไม่ต้องไปพูดถึงคนที่มีน้อย นั่นยิ่งมีความจำเป็นที่ ‘ต้องมี’ เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
แต่อะไรล่ะ ที่จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ ‘คุณมี’
หลายคนคงบอกว่า ‘เงิน’ ไง ที่ทำให้ชีวิตสบายขึ้นได้อย่างทันตาเห็น
แต่แล้วเงินนั้นมันสามารถจีรังยั่งยืนได้ไหม หรือ
ไม่ก็ยังเกิดคำถามต่อมาด้วยว่าแล้วจะหาเงินได้อย่างไร
งั้นคงต้องย้อนกลับไปถามว่าการศึกษาใช่หรือเปล่าที่จะเป็นเส้นทางให้คุณหาเงินได้
อาจจะมีบางกลุ่มบอกว่าไม่จริง เศรษฐีไทยหลาย ๆ คนก็มีการศึกษาเพียงชั้น ป. 4 แต่ยังก่อร่างสร้างตัวเป็นอภิมหาเศรษฐีหมื่นล้านแสนล้าน
ทว่าคนเหล่านั้นมีกี่เปอร์เซ็นต์กันเชียว
และในประเทศนี้ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีทั้งเงิน ไม่มีทั้งการศึกษา และที่สำคัญที่สุดคือไร้โอกาสในการเข้าถึงทั้งสองสิ่ง
แล้วเราจะต้องทำอย่างไรกับคนกลุ่มนี้ ?
กลุ่มคนที่ว่าคือคนที่ยังหาเช้ากินค่ำ หรือแม้กระทั่งหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ยังต้องปากกัดตีนถีบเพื่อให้มีชีวิตต่อลมหายใจไปในทุก ๆ วัน ซึ่งเป็นที่น่าสงสารอย่างมากที่คนเหล่านี้ขาดโอกาสในทุกมิติที่จะขยับเขยื้อนตัวเองให้พ้นจาก ‘กล่องความจน’ นั้น โดยไม่ต้องจินตนาการถึงคำว่า ’เลื่อนระดับทางสังคม‘ เลย
และเพราะอะไรที่ทำให้เขาเข้าไม่ถึง เพราะรัฐไม่จัดให้ หรือตัวเขาเองไม่แสวงหา
เรามาลองคิดตามไปด้วยกันด้วยตัวอย่างง่าย ๆ เช่น…
ต่อให้มีโรงพยาบาลชุมชน พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะนั่งรถมารอพบหมอทั้งวัน เพราะคำว่า ‘ทั้งวัน’ นั้นหมายถึงกลุ่มคนเหล่านั้นจะเสียโอกาสในการหาเงินเลี้ยงครอบครัว
หรือในเรื่องของการศึกษา ต่อให้จะมีการจัดการเรียนการสอนภาคบังคับโดยปราศจากค่าใช้จ่ายให้จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก แต่เยาวชนในครอบครัวที่ขาดแคลนอาจจะต้องตัดตอนละทิ้งความรู้เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานเพื่อหาเงินมายังชีพ
น้อยนักที่จะสู้กันได้สุดใจ จนได้เรียนไปในทุกระดับชั้นถึงขั้นเข้ามหาวิทยาลัย ถ้ามาถึงจุดนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่เขาจะสามารถเลื่อนระดับทางสังคมได้ แต่นั่นก็หมายถึงคุณต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและมีงานประจำทำ กลายเป็นพนักงานเงินเดือนที่เข้าสู่สภาวะชนชั้นกลางที่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะสู้กันอีกกี่ยกว่าจะถีบตัวเองขึ้นไปได้ถึงจุดที่ลืมตาอ้าปากไหว
และไปได้ไกลแค่ไหนก็ไม่อาจคาดเดาได้เช่นกัน
แต่กว่าจะถึงวันนั้นคือหมายความว่าทั้งบ้านต้องกัดฟันทนทั้งคำดูถูกเหยียดหยาม ทั้งทรมานกับความยากจนข้นแค้น
ต้องฮึดสู้ไม่ให้ไม่ต่ำกว่าสิบสองปี…
นั่นก็แปลว่าการศึกษาก็อาจจะยังไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้คุณมี ‘เงิน’ ได้เพื่อเลื่อนระดับความเป็นอยู่ของตัวเอง
ดังนั้นเรามาโฟกัสกันที่การศึกษาดีกว่า
ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญที่จุดนี้ เพราะผู้เขียนมองว่านี่เป็น Asset เดียวที่จะติดตัวเราไปจนตายโดยไม่มีใครมาทำลายล้างได้
แม้ว่าวันหนึ่งคุณจะจับพลัดจับผลูมีเงินขึ้นมา แต่สิ่งนั้นสามารถหมดไป หรือว่าคุณจะกลายเป็นไฮโซชั่วข้ามคืนเพราะแต่งงานกับลูกคนใหญ่คนโต แต่ถ้าเลิกกันก็แล้วกันไป
หรือต่อให้ถูกหวยรางวัลใหญ่ แล้วยังไง เห็นกันอยู่ถมถืดไปที่ถลุงใช้อย่างไม่มีหัวคิดแล้วก็หมดลงในเวลาไม่นาน
ตรงนี้ เราคงหวนกลับมาคิดถึงคำว่า ‘การศึกษา’ อีกที ว่าเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งโดยเฉพาะคนไม่มีโอกาส
แต่แล้วโอกาสนั้นจะไปถึงกลุ่มคนเหล่านั้นได้อย่างไร
อาจจะน้ำเน่าแต่เราจำเป็นต้องพูดว่า ‘มันอยู่ที่ใจ’ เพราะถ้าวันที่คุณทำได้ จะไม่มีใครปรามาสคุณได้เลยว่าคุณมาจากไหน
ทว่าจะมีแต่คนให้ค่า…ค่าที่มีราคามากกว่า ‘ตัวเงิน’
ถึงกระนั้น ต่อให้คุณอึดจนเรียนจบปริญญาเอกได้ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถหยุดพัฒนาตัวเอง
พ่อของผู้เขียนเคยให้แง่คิดว่า ต่อให้มีเงินล้นฟ้าแต่ถ้าเราโง่และไม่มีการศึกษา เราก็จะถูกเขาหลอกไปจนหมด
หรือต่อให้เราไม่โง่แต่ดันมีใบปริญญาก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่รอดได้
สิ่งที่ต้องเรียนให้จบก็เรื่องหนึ่ง
สิ่งที่ต้องเรียนให้รู้ก็คืออีกเรื่องหนึ่ง
และนั่นคือสิ่งที่ผู้เขียนในวัยนั้นไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไม ในปริญญาทั้ง 5 ใบของตัวเองถึงไม่มีวุฒิการศึกษาจากสาขาเดียวกัน
ซึ่งเคยถามและได้คำตอบว่า การที่เราเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เปรียบเสมือนได้ว่าเราเรียนเพื่อสามารถใช้ช้อนส้อมเป็น เราก็จะแค่สามารถร่วมโต๊ะอาหารประเภทที่ต้องใช้ช้อนส้อมได้อย่างดี
แต่ถ้าวันหนึ่ง เราต้องร่วมโต๊ะกับคนใช้ตะเกียบ ไม่ผิดที่คุณจะใช้ส้อมจิ้มอาหาร แต่คุณจะถูกวิจารณ์ต่อให้ไม่ใช่ทางวาจาก็ต้องโดนทางสายตา
และต่อให้คุณใช้ตะเกียบเป็นเพิ่มอีกหนึ่งอย่างแต่ไปกินสเต็ก คุณคิดว่าคุณควรจะหั่นสเต็กด้วยวิธีอะไร ถ้าคุณไม่รู้จักวิธีใช้มีด
ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้วันนี้ผู้เขียนเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า ‘การศึกษา’ จะนำมาซึ่ง ‘โอกาส’ ที่จะเป็นถนนพาเราไปสู่ ‘เงิน’
แต่ระหว่างทาง ใจคุณต้องสู้ ต้องทน และต้องไม่หยุดพัก เพราะระหว่างที่เราพัฒนาตัวเอง คนอื่นเขาก็ทำเหมือนเราเช่นกัน
และถ้าคุณหวังจะเป็นยอดปิรามิด คุณต้องอึดและฮึดมากกว่าคนทั่วไปอีกล้านเท่า
แล้ววันนั้นเราจะไม่ต้องแสวงหาทางเลื่อนระดับทางสังคม เพราะสังคมจะเลื่อนตัวมาหาเราเอง
ดร.ณพรรษธ์สรฌ์ เสมสันต์
นักวิชาการอิสร