ตั้งรองผู้ว่าด้านเศรษฐกิจ สนับสนุนเอกชนทั่วประเทศ ช่วยผู้ผลิตส่งออกสินค้าไปจำหน่ายทั่วโลก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้มอบรางวัลผู้ว่าราชการจังหวัดสำเภาทอง ปี 2567 แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 22 คน เมื่อวานนี้ (24 พ.ย. 2567) ซึ่งผู้ได้รับรางวัลทั้งหมดนั้นเป็นผู้ที่มีผลงานการขับเคลื่อนด้านการปรับปรุงกระบวนการทำงานภาครัฐในพื้นที่ที่สามารถอำนวยความสะดวกแก่เอกชน ดูแลด้านเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างโดดเด่น
จากนั้นได้กล่าวปาฐกถาในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล พร้อมรับสมุดปกขาวหอการค้าไทย ปี 2567 ซึ่งเป็นข้อเสนอจากภาคเอกชนที่ได้จากข้อสรุปการสัมมนา 3 วันระหว่างวันที่ 22-24 พ.ย. 67 ในประเด็นต่างๆ ที่เอกชนเสนอให้รัฐบาลขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนพัฒนาระบบบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่สะดวก สบาย การพัฒนาในมิติต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้เอกชนผู้ผลิตสามารถส่งออกสินค้าไปจำหน่ายได้ทั่วโลกภายใต้กฎกติกาใหม่ๆ
ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตระหนักถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการสนับสนุนเอกชนให้ได้รับความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ส่งเสริมให้มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ละจังหวัดมีคลัสเตอร์ที่จะต้องผลักดันขับเคลื่อน
รวมถึงการมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะจากปัจจุบันที่ผู้ว่าฯ ต้องดูแลในภาพรวมเองทั้งหมด ดังนั้นรองผู้ว่าฯ ด้านเศรษฐกิจที่จะมาดูแลการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังต้องการฟื้นฟู อย่างที่หอการค้าระบุว่าต้องโตอย่างน้อย 3% การสนับสนุนจากภาครัฐก็เป็นส่วนสำคัญ
“แม้กระทรวงมหาดไทยไม่ได้เป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ รับผิดชอบตัวเลขโดยตรง แต่เราเป็นเกตเวย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบทุกๆ ด้านอุตสาหกรรม การผลิต แรงงาน นโยบายต่างๆของรัฐบาล การเงินการคลัง ขอยืนยันว่าเราพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เมื่อได้รับสมุดปกขาวหอการค้าไทยแล้ว จะได้นำไปเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป” นายอนุทิน กล่าว
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าสมุดปกขาว หอการค้าไทยปี 2567 ได้ตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจปี 2568 จะโตไม่ต่ำกว่า 3% และมีข้อเสนอ 3 ข้อเสนอหลักเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน คือ
1. การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ
2. การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs และ
3. การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน