Newsการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development หลักเกณฑ์ของการพัฒนาที่สวยหรูทั้ง 17 ประการ สุดท้ายแล้วเป็นเป้าหมายเพื่อใครกันแน่ ?

การพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development หลักเกณฑ์ของการพัฒนาที่สวยหรูทั้ง 17 ประการ สุดท้ายแล้วเป็นเป้าหมายเพื่อใครกันแน่ ?

หลายสัปดาห์ก่อนมีคนมาขอให้ผู้เขียนอธิบายถึงความหมายของคำว่า ‘Sustain’ ‘Sustainable’ และ ‘Sustainability’

 

ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วคำทั้งสามคำนี้มีความหมายใกล้เคียงจนถึงขั้นจะเหมือนกันเพียงแต่ผันกันไปตามรูปแบบของคำ

 

และถ้าจะให้ตอบอย่ากำปั้นทุบดิน ก็คือ Sustain’  เป็นคำกิริยา ‘Sustainable’ เป็นคำวิเศษณ์Sustainability’ เป็นคำนาม

 

แต่ถ้าจะให้ความหมายที่ชัดไปกว่านั้น Sustain = ยั่งยืน  ‘Sustainable’  = อย่างยั่งยืน และ ‘Sustainability’ = ความยั่งยืน

 

ส่วนนิยามโดยรวมนะหรือ คงพูดได้ว่าเป็นการพัฒนาอะไรก็ได้ ใช้ทรัพยากรอย่างไรก็ได้ ที่ไม่ทำายระบบนิเวศน์และไม่ก่อให้เกิดปัญหากับคนรุ่นหลัง

 

แล้วถามว่าทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับคำเหล่านี้

 

อันที่จริงแล้ว “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” มีจุดกำเนิดครั้งแรกตั้งต่ปี ค.ศ. 1984 ซึ่งในปีนั้นได้มีการก่อตั้งคณะกรรมาธิการบรันท์แลนด์ หรือคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา ซึ่งเป็นผลพวงมาจากข้อมติของสหประชาชาติเกี่ยวกับการเตรียมตัวด้านสภาวะสิ่งแวดล้อม เนื่องจากทุกประเทศได้ตระหนักถึงวิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างฟุมเฟือยเกินขีดจำกัดของมนุษย์โดยไม่คำนึงถึงชนรุ่นหลัง โดยเรื่องราวเล่านี้อาจพูดได้ว่าเป็นผลพวงมาจากความรุ่งเรืองของยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

 

ดังนั้น ในปี ค.ศ. 2000 จึงได้มีการประกาศเจตนารมณ์เรื่อง Agenda 21 ออกมาเป็นแนวทางให้แต่ละประเทศบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรให้ยั่งยืนมากที่สุด แน่นอนว่าในช่วงแรกเน้นหนักไปทางการจัดการสภาพแวดล้อม ที่คุ้นคุ้นคุ้นตามากที่สุดก็คือแนวทางที่จะลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก ที่จะส่งผลให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งหากจะทำเช่นนั้นได้ ก็ต้องหยุดการดำเนินการใด ๆ ที่ใช้น้ำมัน หรือเตาเผาถ่าหินที่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะทำให้เกิดรูโหว่ในชั้นโอโซน ส่งผลให้เกิดความร้อนมากขึ้น

 

แต่แล้วยังไง เมื่อครั้งนั้นเรื่องพวกนี้ยังไกลตัว โลกร้อนขึ้น ก็เปิดแอร์ โดยไม่ได้ขึ้นเลยว่าการกระทำเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้ต้องผลิตไฟฟ้ามารองรับการใช้พลังงานมากยิ่งขึ้น เป็นวัฏจักรต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ ยังไม่ต้องพูดถึงการทำลายระบบนิเวศน์อื่น ๆ เช่น หมีขาวไม่มีที่อยู่ ปลาตายเพราะเรือประมงปล่อยน้ำมันลงทะเล

 

เมื่อนั้น คนทั่วไปก็เริ่มให้ความสนใจ แต่ถามว่าผู้ประกอบการล่ะ พิจารณาถึงทางเลือกหรือยัง ก็คงต้องพูดได้ว่ายังเพราะว่าพลังงานทางเลือกอื่น ๆ นั้นมีต้นทุนสูง

 

ในขณะเดียวกันผู้กำหนด Roadmap ของโลกก็พัฒนาองค์ความรู้ไป พร้อมกับหามาตรการมากำกับการดำเนินการเพื่อพยุงสิ่งแวดล้อมไม่ให้พังพินาศไปมากกว่าที่เป็นอยู่

 

จนในวันนี้กลายมาเป็น หลักเกณฑ์ SDGs 17 ประการ ที่ไม่ได้มุ่งสร้างความยั่งยืนเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม หากแต่แสวงหาความสมดุลให้ทุกมิติของโลก เพื่อให้ทุกด้านพัฒนาไปในมาตรฐานเดียวกัน สู่จุดหมายเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา เรื่องความยากจน เรื่องสุขภาพอนามัย ฯลฯ

 

นอกจากแนวทางการดำเนินการที่เป็นคู่มือให้ชาวโลก หลาย ๆ องค์การกยังออกกฎ ออระเบียบควบคุมการประกอบการกลาย ๆ เช่น หากผลิตภัณฑ์ของคุณไม่ใช้พลังงานสะอาดในการผลิตจะไม่สามารถจำหน่ายได้

 

ตัวอย่างที่ผู้เขียนพบแล้วนึกขำหลายประการ เช่น เมื่อบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่งยินดีที่จะลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นพลังงานสะอาดในประเทศไทย แต่ขอให้ส่งเข้านิคมที่เป็นโรงงานผลิตรถยนต์ของฝ่ายนั้นโดยใช้สายส่งเดิมที่มีอยู่



หรือแม้แต่การส่งเสริมให้มีการใช้รถไฟฟ้า โดยที่ผู้เขียนเองได้มีประสบการณ์เยี่ยมชมโรงงานผลิต ที่ยังพบว่าในกระบวนการนั้นต้องมีการใช้ไฟฟ้า ซึ่งไฟฟ้าที่ใช้ก็เกิดมาจากการปั่นด้วยน้ำมันหรือถ่านหิน แม้กระทังรถพ่วงที่ขนส่งรถไฟฟ้าเหล่านั้นไปขาย ก็ยังเป็นรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันในการสันดาปเครื่องยนต

 

มาอีหรอบนี้ เหมือนว่าทำไปเพื่อให้ตัวเองขายของได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เป็นพลังงานสะอาด ไม่มีอะไรที่ทำเพื่อโลกได้สมบูรณ์อย่างแท้จริง

 

ที่หนักหนากับจิตใจผู้เขียนมากที่สุด เมื่อครั้งที่ผู้นำระหว่างประเทศบินไปร่วมลงนามในการประชุม Cop 26 ที่มีวัตถุประสงค์ในการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงเกินกว่า 2 องศาเซลเซียส และมีเป้าหมายสูงสุดคือการบรรลุ Net Zero หรือ “Net zero emissions” หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์  ทั่วโลกภายในปี 2050 

 

ผู้นำทุกท่านนั่งเครื่องบินไป บ้างด้วยสายการบินพาณิชย์ บางด้วยเครื่องบินส่วนตัว ไม่ต้องนับว่าขบวนรถที่ยาวยืดวิ่งว่อนกันให้ทั่วเมือง

 

สิ่งนี้ทำให้ผู้เขียนเห็นว่า ดูเหมือนว่าพิธีกรรมจะสำคัญมากกว่าเป้าหมาย

 

เรื่องราวที่สะท้อนใจได้อย่างแสลงใจที่สุดก็คือในขณะที่คนตัวเล็ก ๆ พยายามแยกขยะ ปั่นจักรยาน ลดการใช้ไฟฟ้า เปลี่ยนตัวเองมาใช้ถุงผ้า

 

แต่คนตัวใหญ่ที่ควรจะมีอิทธิฤทธิ์ในการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จมากที่สุด กลับเหมือนลงนามให้จบ ๆ ไป แล้วก็ขึ้น Private Jet กลับบ้านเหมือนเดิม

 

คงเป็นเราแล้วล่ะ ที่ต้องพิจารณาว่าจะฝากความหวังของโลกไว้ในสนธิสัญญาต่าง ๆ หรือว่าจะวางเรื่องความยั่งยืนไว้เป็นเพียงความฝัน

 

เพราะท้ายที่สุดแล้วคำว่า Sustainable Development อาจจะกลายเป็นแค่ Sustainable Dreams ก็เท่านั้นเอง

 

ดร.ณพรรษธ์สรฌ์ เสมสันต์ 

นักวิชาการอิสระ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า