
บริษัท AI ทั่วโลกสะเทือน หลัง DeepSeek จากจีนเปิดตัว ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นกว่า 40 เท่าตัว ทำให้เกิดข้อสงสัยด้านงบลงทุนของบริษัทอื่นๆ
บริษัทเทคยักษ์ใหญ่เผชิญแรงกดดัน หลัง DeepSeek สตาร์ตอัปน้องใหม่จากจีน เปิดตัวบริการผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ AI ต้นทุนต่ำที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า ChatGPT ของ OpenAI ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับงบประมาณมหาศาลที่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ใช้ในการพัฒนาโมเดล AI
DeepSeek เปิดตัวโมเดล AI แบบ open-source ในเดือน ธ.ค. 2024 โดยอ้างว่าใช้เวลาในการพัฒนาเพียง 2 เดือน และใช้งบประมาณไม่ถึง 6 ล้านดอลลาร์ (202.98 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นเพียงเศษเสี้ยวเมื่อเทีบบกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ และยังท้าทายมุมมองที่ว่าการขยายขนาด AI ต้องใช้พลังการประมวลผลและการลงทุนมหาศาล ขณะที่ใช้ชิป H800 ของ Nvidia ที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า
DeepSeek กลายเป็นแอปที่มีการดาวน์โหลดสูงสุดใน Apple App Store ในสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (27 ม.ค.)ในขณะที่ราคาหุ้นของ Nvidia ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกชิป AI ร่วงลง 16%, Microsoft ร่วงลง 3.8% และหุ้นของ TSMC ในสหรัฐฯ ร่วงลง 14%
Stacy Rasgon นักวิเคราะห์จาก Bernstein โต้แย้งว่าค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมโมเดล AI ของ DeepSeek น่าจะสูงกว่า เนื่องจากจำนวนเงินเกือบ 6 ล้านดอลลาร์ที่บริษัทอ้างใช้จ่ายไปกับพลังการประมวลผลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังห่างไกลจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าบริษัทคลาวด์ขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ จะใช้จ่ายกับโครงสร้างพื้นฐาน AI ในปีนี้ที่ 250,000 ล้านดอลลาร์ (8.45 ล้านล้านบาท) โดยจำนวนเงินดังกล่าวยังถูกตั้งคำถามจากนักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับผลตอบแทนที่ชะลอตัวในปีที่ผ่านมา
Rasgon กล่าวว่า DeepSeek มีความโดดเด่นเนื่องจากราคาที่ต่ำกว่าโมเดลที่เทียบเคียงได้ของ OpenAI ถึง 40 เท่า ซึ่งอาจทำให้เกิดสงครามราคาสำหรับบริการ AI และยังสร้างแรงกดดันต่อบริษัทเทคโนโลยี เช่น OpenAI ที่สูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีอยู่แล้วเนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงของการให้บริการ เช่น ChatGPT
ขณะที่ Gadjo Sevilla นักวิเคราะห์อาวุโสจาก eMarketer กล่าวว่า “ผู้นำตลาดอย่าง OpenAI ไม่น่าจะลดราคาในระยะสั้น แต่จะชูเรื่องความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ใช้ระดับองค์กรให้ความสำคัญ
ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังตั้งคำถามด้วยว่า ธุรกิจในสหรัฐฯ จะเต็มใจนำเทคโนโลยี AI ของจีนมาใช้หรือไม่ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจาก DeepSeek จัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ในเซิร์ฟเวอร์ในจีน ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหาในการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางรายเชื่อว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของอเมริกาจะเข้ามาฉวยโอกาสจากความก้าวหน้าของ DeepSeek และบริการ AI ที่ราคาถูกกว่าจะช่วยเพิ่มการนำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งอาจเพิ่มความต้องการชิปได้
(1 ดอลลาร์ = 33.83 บาท)