mRNA อาจทำลาย ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ‘หมอธีรวัฒน์’ เตือนวัคซีน ‘ไฟเซอร์-โมเดนา-แอสตรา’ อาจเป็นที่มาของโรคคล้ายวัวบ้า-สมองเสื่อม
ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์บทความลงเฟสบุ๊ก 2 บทความซึ่งประกอบด้วยเรื่อง “ผลกระทบจากวัคซีนก่อนและซ้ำต่อจากการติดโควิด” และ “การเกิดโรคคล้ายวัวบ้า ในมนุษย์ หลังจากติดโควิดหรือหลังได้รับวัคซีน” ตามลำดับ โดยมีเนื้อความโดยสรุปดังนี้
มีการรายงานถึงอาการเจ็บป่วยของชายอายุ 38 ปี ภายหลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA 143 วัน และพบว่าวัคซีนนั้นส่งผลให้ภูมิคุ้มกันระบบเซลล์ T ด้อยลงไป และทำให้การต่อสู้ต่อเชื้อโรคทั้งหมดตามธรรมชาติบกพร่อง ร่วมกับการเพิ่มจำนวนของ IgG4 และลักษณะความบกพร่องของ T เซลล์ ซึ่งทำให้โคโรน่าไวรัส ซึ่งเป็นมูลเหตุของโรคโควิด-19 แพร่กระจายในเลือดได้นานขึ้นในร่างกาย
ซึ่งเป็นที่มาของการตั้งคำถามว่า คนที่สูงวัย อายุ มากกว่า 65 ปี จนถึง 84 ปี ที่ถูกจัดเป็นประเภทกลุ่มเปราะบาง และต้องได้วัคซีนโควิดครบ และต้องมีการฉีดกระตุ้น อยู่ตลอด แท้จริงแล้ว จะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และจะมีผลในทางลบนั่นก็คือทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อโรคแย่ลงหรือไม่
ผลปรากฏว่า ในกลุ่มสูงอายุขึ้นนี้เพื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอายุต่างๆตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เมื่อฉีดไปตั้งแต่เข็มที่หนึ่งจนกระทั่งหลังเข็มที่สาม ระบบป้องกันภัย innate ที่เป็นตัวสำคัญแนวหน้าป้องกันการรุกรานโดยสามารถทำงานได้ทันทีในระยะเวลา เป็นชั่วโมงและไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นเชื้อไหน แต่ทั้งหมดของระบบดังกล่าวอ่อนแอมากกว่าก่อนฉีด
อีกทั้งยังมีรายงานว่า แม้ในคนอายุน้อยก็ได้รับผลกระทบที่คล้ายคลึงกัน จากการที่วัคซีนไฟเซอร์ไปด้อยค่าด้อยค่าระบบป้องกันภัยของร่างกายโดยจะกลายเป็นภาวะเกี่ยวพันลูกโซ่ที่ทำให้ติดโรคง่ายหรือทำให้เชื้อดั้งเดิมเช่นเริม งูสวัด (คือไข้อีสุกอีใสเดิมที่หายแล้วแต่ซ่อนตัวอยู่) กลับปะทุขึ้น ทำให้วัคซีนจำเป็นที่จะต้องได้รับการพัฒนา
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีการพบโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์มีตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน (โควิด-19 เกิดขึ้นในปี 2562) และมีความเกี่ยวข้องกันกับการติดโควิด และหลังจากฉีดวัคซีน โดยมีการตั้งข้อสังเกตโดยแพทย์ในต่างประเทศว่า ผู้ติดโรคโควิด ไม่ว่าจะได้รับวัคซีนหรือไม่ก็ตาม มีอาการของโรค CJD (โรคสมองเสื่อม) ภายใน 2 สัปดาห์ และการดำเนินโรค เป็นไปอย่างรวดเร็วและเสียชีวิต ภายในระยะเวลาสองถึงห้าเดือน
ซึ่งการป่วยนั้นมีสาเหตุมาจากการที่ตัววัคซีนนั้นมีส่วนที่คล้ายกับส่วนของ โปรตีน พริออน และกระตุ้นให้มีการพับม้วนตัวของโปรตีนปกติให้กลายเป็นโปรตีนบิดเกลียว และ กระตุ้นการเกิดการอักเสบทั้งในร่างกายรวมทั้งในเซลล์สมอง หลายชนิด
อีกทั้งยังอธิบายไม่ได้ชัดเจนว่าเพราะบุคคลเหล่านั้นมียีนที่พร้อมที่จะเกิดเป็นโรคคล้ายวัวบ้าอยู่แล้วและการติดโควิดและการได้รับวัคซีนโควิดซึ่งก็คือร่างจำลองของไวรัสโควิดนั่นเอง โดยเฉพาะวัคซีนที่สามารถฝังติดทนนานในร่างกายมนุษย์เช่น แอสตร้า และ modified mRNA
“เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังต่อเพราะในกรณีที่เกิดเร็วและตายเร็ว อาจทำให้ไม่นึกถึงโรคนี้ และเป็นไปได้ว่าอาจมีกรณีที่เกิดขึ้นเนิ่นนานกว่านี้และเกิดโรคนี้ปะทุขึ้น การวิเคราะห์ว่าวัคซีนโมเดนา มีส่วนกระตุ้นการเหนี่ยวนำ พรืออน รุนแรงกว่าไฟเซอร์ และวัคซีนรุนแรงกว่าการติดเชื้อโควิดธรรมดา
กลไกการเกิดของโรคนี้มาอยู่ในแนวทางเดียวกันกับโรคสมองเสื่อมทุกชนิดที่เราทราบอยู่ในปัจจุบัน อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และอื่นๆ
ในประเทศไทย คณะทำงานของเราเท่านั้น พบ จำนวนมากขึ้นอย่างผิดปกติ และสัมพันธ์กับการฉีดmRNA ใน ระยะเวลาไม่นาน ดังเช่นรายงานในต่างประเทศ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ระบุ
อ่านบทความฉบับเต็ม
[1] https://www.facebook.com/thiravat.h/posts/pfbid0A2AgZ278n8socRcqAWgs6p69aB6jtwubaZZpSznW6Vqoh6HToSEACmMPk4BZkXQLl
[2] https://www.facebook.com/thiravat.h/posts/pfbid0idgnjE7g95z3WGhLNZ2yYx39kAadTocLLagEBap8U2a8MKN7gQnEnQfFzMYhU5cwl