
ตบหน้ารัฐบาลไทย กรณีปราบปรามทุนสีเทา ‘พงศ์พรหม’ ชี้จีนตบหน้าไทย 4 ฉาดใหญ่ ไม่พอใจที่ นักการเมือง-ข้าราชการไทย มีส่วนหนุนทุนสีเทา
พงศ์พรหม ยามะรัต นักธุรกิจด้านเทคโนโลยี อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความกล่าวถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และทุนสีเทาว่า
“หลิวจงอี ดอดมาไทยรอบนี้ เรื่องใหญ่ครับ
ตามธรรมเนียมจีน การให้เกียรติเพื่อนบ้านเป็นสิ่งสำคัญ ไปลา มาไหว้
หลิวจงอีมารอบนี้ เป็นการมาหลังจากที่ท่านสีจิ้นผิง “ฝากงาน” นายกอุ๊งอิ๊งมาเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่กลับเป็นการมาแบบ “ดอดมา” เพื่อไป “ขยี้” ปัญหาเอง และเอาคณะที่รับข้อมูลทางลับจากสถานทูตจีนในไทยมาอย่างล้นๆไปด้วย
นี่คือตบหน้าครั้งที่ 1
การไปรอบนี้ กลับไปตรงกับที่คุณรังสิมันต์ โรม ที่กลายเป็นฮีโร่ในใจคนไทยในการรบกับทุนเทาจีน และไทย ไปลงพื้นที่ในวันเดียวกันพอดี เดาไม่ยากว่าได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อช่วยกันรบกับจีนเทา และไทยเทา นี่คือตบหน้าครั้งที่ 2
ใครสังเกตุ การลงพื้นที่แบบสายฟ้าแลบรอบนี้ ไม่มี “นักการเมืองไทย” และ “ข้าราชการระดับสูงไทย” ไปเสนอหน้าถ่ายรูปเหมือนแต่ก่อน เพราะเค้าไม่เชิญ ดีไม่ดี เค้าตั้งใจไม่บอกด้วย เพราะคงรู้ว่าทั้งนักการเมือง ทหาร ตำรวจบางส่วน หลอกเค้าอยู่ นี่คือตบหน้าครั้งที่ 3
และมารอบนี้ เค้าประกาศว่า ขอมากำกับการจับกุมเอง คำๆนี้แปลว่าเค้าประกาศ “สิทธินอกอาณาเขต” อย่างชัดเจนว่า “กูไม่เชื่อมึง” 5555 ตบหน้าครั้งที่ 4 นี้ ถ้าผมเป็นนายก ผมลาออกไปแล้ว 5555
ใครตามเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยรัฐบาล “ประยุทธ์” จีนเริ่มระหองระแหงกับไทยมาตั้งแต่ปี 2563 แล้ว ใครจำได้ จีนตั้งใจไม่ส่งผู้ใหญ่ในรัฐบาลมาผลักดันเรื่องต่างๆเหมือนสมัยประยุทธ์ สมคิด สมัย 1
เรื่องนึงที่ทำให้เขาไม่พอใจ จริงๆ ก็เพราะการข่าวจีนทราบมาตลอดว่า “นักการเมืองเทา ข้าราชการเทา ตำรวจเทา ทหารเทา” ของสยามประเทศ ไปแผ่อาณาเขตธุรกิจเทารอบประเทศตัวเอง
โดยคนใกล้ชิดผู้ใหญ่ระดับสูงในรัฐบาล ไปเริ่มวางรากฐานมาตั้งแต่ราวๆ ปี 61 แล้วผลักจนโตในช่วงปี 62-63 (ดูภาพถ่ายดาวเทียมประกอบได้) แถมเปิดชายแดนขนของเข้า-ออกแบบไม่เกรงกลัวฟ้าดิน โดยที่ผู้นำรัฐบาลไม่ทำอะไร
รัฐบาลจีนจึงต้องลงมือเองในปี 67 และขยี้หนักในปี 68
เพราะการข่าวก็ทราบมาอีกว่าการจับคอลเซ็นเตอร์รอบนี้ นักการเมืองไทย จับมือนายตำรวจ และนายทหารใหญ่ ”เล่นละคร” หลอกจีนอยู่
ตัวใหญ่มาเฟียเทาจีน ก็ยังอยู่สุขสบาย นายตำรวจใหญ่ นายทหารใหญ่ที่ “ถือตั๋ว” ไปทำตั้งแต่ปี 61 ก็ low profile เงียบๆ
ยกเลิกการแอบย่องมาคุยกันในกรุงเทพซักพัก เพราะรู้ว่านอกจากจีนใช้ดาวเทียมส่องมาดูชายแดนแล้ว จีนก็ส่งสายมาประกบเหล่า “เทวดาเทา” ทั่วกรุงเทพแล้วเช่นกัน
ประโยคที่ท่านสีจิ้นผิงเตือนนายกอุ๊งอิ๊งที่ว่าให้คิดดีๆเรื่องการจะทำคาสิโนนั้น ก็เพราะว่าท่านได้ข้อมูลมาแล้วว่า นักลงทุนใหญ่ที่จะมาทำคาสิโนไทย คือสายเงินเทา ตั้งแต่บ่อนเถื่อน ฟอกเงิน ค้ามนุษย์ และยาเสพติด
คาสิโนไทยเกิดเมื่อไหร่ สภาพประเทศจะไม่ต่างจากเขมร ท่านสีจิ้นผิงจึงเป็นห่วง ดูรอยยิ้มมุมปากที่ท่านยิ้มกับนายกอุ๊งอิ๊งรองเท้าสวยดีๆ
แม้จะอ้างว่าท่านนายกไทยมีเชื้อสายจีน แต่ท่านสี มักจะเลือกฟังคนเชื้อสายจีนที่ตั้งใจทำอะไรดีๆมากกว่าเชื้อสายจีนที่จะเอาโจรมาอยู่ในบ้านหนังเรื่องนี้พึ่งมาฉากแรก”