
อาณาเขตของ กัมพูชาอาจจะเพิ่มมากขึ้น ผู้นำกัมพูชาชี้ ฝ่ายที่เคลมว่าเกาะกูดเป็นของไทย คือฝ่ายค้านของไทย ไม่ใช่รัฐบาลไทย
ในขณะที่ประเด็นเรื่อง MOU44 และสิทธิในการครอบครองเกาะกูดกำลังเป็นประเด็นข้อถกเถียงกันในประเทศไทย ทางด้านฝั่งกัมพูชา เรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นข้อถกเถียงไม่แก้กัน
โดยเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567 นายฮุน มาเนต์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาที่ว่า รัฐบาลกัมพูชากำลังนิ่งเฉย ไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับการที่ไทยกำลังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนเกาะกูด
โดยกล่าวว่าฝ่ายที่อ้างว่าเกาะกูดเป็นของไทยนั้น เป็นพรรคฝ่ายค้านของไทย ไม่ใช่รัฐบาลไทย และทั้ง 2 ประเทศต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูด จึงต้องมีการเจรจาตกลงกัน ซึ่งในขณะนี้นั้น กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ
นายมาเนต์เน้นย้ำว่าประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนจะต้องได้รับการจัดการอย่างระมัดระวัง และสาเหตุที่รัฐบาลยังคงนิ่งเงียบนั้น มี สาเหตุ 2 ประการ คือความมีวุฒิภาวะทางการเมือง และความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ดังนั้นการที่รัฐบาลไม่ออกมาพูดอะไรนั้น เป็นการสะท้อนความมีวุฒิภาวะของรัฐบาลกัมพูชา
และกล่าวว่าความขัดแย้งในเรื่องเขตแดนนั้น สิ่งสำคัญคือการเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งยังตั้งคำถามว่า “เราควรแทรกแซงกิจการของประเทศอื่นหรือไม่ ? พวกเขาปกป้องสิ่งที่พวกเขา (คิดว่าเป็นของพวกเขา ฝ่ายหนึ่งอ้างว่าดินแดนของพวกเขาสูญหายไป อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่ใช่ เหตุใดเราจึงต้องจุดไฟเผาบ้านโดยไม่จำเป็น”
อีกทั้งยังกล่าวว่า ทั้ง 2 ประเทศได้ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อหารือเรื่องพรมแดนขึ้นสองคณะ ได้แก่ คณะกรรมาธิการพรมแดนร่วม (JBC) ซึ่งรับผิดชอบปัญหาพรมแดนทางบก และคณะกรรมาธิการเทคนิคร่วม (JTC) ซึ่งเน้นเรื่องพรมแดนทางทะเล
“นี่เป็นกลไกอย่างเป็นทางการ รัฐบาลทำงานผ่านพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรก็ตาม [ในประเทศไทย] ก็เป็นเรื่องของพวกเขา หากมีข้อพิพาท พวกเขาก็ควรแก้ไขกันแบบตัวต่อตัวเพื่อให้เป็นทางการ” นายมาเนต์กล่าว
นายมาเนต์ยังกล่าวด้วยว่าที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศเพียงเจรจาเกี่ยวกับรื่องเขตแดนทางบกเท่านั้น แต่ยังไม่ได้เจรจาเรื่องพรมแดนทางทะเล ซึ่งตลอด 18 ปีที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงไปแล้ว 42 ข้อจาก 73 ข้อ ซึ่งทั้งหมดเป็นการเจรจาพรมแดนทางบก แต่ยังไม่มีการเจรจาพรมแดนทางทะเล
และย้ำว่ารัฐบาลกัมพูชามีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชาผ่านกลไกสันติภาพที่อาศัยความเชี่ยวชาญทางเทคนิค และหน่วยงานภาครัฐของกัมพูชามีความพร้อมที่จะเจรจากับฝ่ายไทย
นอกจากนี้ นายมาเนต์ยังกล่าวอีกว่าพื้นที่ทั้งหมดของประเทศอาจใหญ่กว่า 181,035 ตารางกิโลเมตรที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ โดยยกตัวอย่างการวัด GPS เชิงทดลองที่ดำเนินการในปี 2555 ซึ่งบ่งชี้ว่าอาณาเขตของกัมพูชาอาจขยายได้ถึงกว่า 181,436 ตารางกิโลเมตร
ที่มา – https://www.phnompenhpost.com/national/pm-defends-government-s-silence-on-koh-kut-dispute