Boeing วิกฤตหนัก พนักงาน 96% หยุดงานประท้วง ขณะที่บริษัทประสบปัญหาการผลิตล่าช้าและหนี้สินพุ่ง

พนักงานโรงงานของบริษัท Boeing ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติอเมริกัน โหวตเห็นชอบหยุดงานประท้วงในวันศุกร์ (13 ก.ย.) ซึ่งจะทำให้การผลิตเครื่องบินรุ่นขายดีที่สุดของโบอิ้งต้องหยุดชะงักลง ในขณะที่บริษัทกำลังประสบปัญหาการผลิตล่าช้าและหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น

การหยุดงานประท้วงครั้งแรกของพนักงานนับตั้งแต่ปี 2008 จะเริ่มในเวลาเที่ยงคืนตามเวลาแปซิฟิก หรือ 14.00 ตามเวลาประเทศไทย ในวันศุกร์นี้ เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ เคลลี ออร์ตเบิร์ก ซีอีโอคนใหม่เข้ามารับตำแหน่งในเดือน ส.ค. เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นในบริษัท หลังเกิดเหตุแผงประตูเครื่องบินรุ่น 737 MAX หลุดออกจากอากาศเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา

พนักงานประมาณ 30,000 คนที่ผลิตเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX และเครื่องบินรุ่นอื่นๆ ในซีแอตเทิล และพอร์ตแลนด์ ลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับสัญญาฉบับสมบูรณ์ฉบับแรกในรอบ 16 ปี ในวันพฤหัสบดี (12 ก.ย.) 96% เห็นชอบนัดหยุดงาน และ 94.6% เห็นชอบปฏิเสธข้อตกลง

ข้อตกลงดังกล่าว รวมถึงการขึ้นเงินเดือนค่าจ้างทั่วไป 25% โบนัสการเซ็นสัญญา 3,000 ดอลลาร์ (100,095 บาท) และคำมั่นสัญญาที่จะสร้างเครื่องบินพาณิชย์ลำต่อไปของโบอิ้งในพื้นที่ซีแอตเทิล

ทั้งนี้ ระยะเวลาการนัดหยุดงานยังไม่ชัดเจน การหยุดงานเป็นเวลานานไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของโบอิ้งเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสายการบินที่ต้องพึ่งพาเครื่องบินของบริษัท Boeing และซัพพลายเออร์ที่ผลิตชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับเครื่องบินของบริษัทด้วย

TD Cowen บริษัทด้านวาณิชธนกิจของสหรัฐฯ ระบุว่า การนัดหยุดงานเป็นเวลา 50 วัน อาจทำให้ Boeing สูญเสียรายได้ประมาณ 3,000-3,500 ล้านดอลลาร์ (100,095-116,777.50 ล้านบาท)

การหยุดงานประท้วงครั้งสุดท้ายของพนักงาน Boeing ในปี 2008 ทำให้ต้องปิดโรงงานผลิตเป็นเวลาถึง 52 วัน ส่งผลให้บริษัทสูญเสียรายได้ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ต่อวัน (3,336.50 ล้านบาท)

S&P Global Ratings ระบุว่า การหยุดงานประท้วงเป็นเวลานานอาจทำให้การฟื้นตัวของ Boeing ล่าช้าออกไป และส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตโดยรวมของบริษัท ทั้ง S&P และ Moody’s ประกาศอันดับเครดิตของ Boeing ให้อยู่ในระดับสูงกว่าสถานะขยะหนึ่งระดับ

(1 ดอลลาร์ = 33.37 บาท)