จะทำบิทคอยน์ ให้ระวัง เรื่องการฟอกเงิน-ยาเสพติด ‘พิธา’ เตือน ‘ทักษิณ-พิชัย’ ชี้ประเทศที่ใช้บิทคอยน์เป็นเงินทุนสำรอง มีแค่เอลซัลวาดอร์ ที่ไม่มีสกุลเงินเป็นของตัวเอง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. คลัง เสนอให้มีการนำบิทคอยน์มาใช้เป็นเงินทุนสำรอง เมื่อวานนี้ (22 ธ.ค. 2567)
โดยนายพิธากล่าวตนเองเห็นด้วยกับการที่นายพิชัยจะศึกษาเรื่องดิจิตอลเคอเรนซี่ และการใช้ภูเก็ตเป็นพื้นที่ทำแซนด์บ็อกซ์ แต่ว่าตนเองเห็นว่าประเทศที่นำบิตคอล์ยมาเป็นเงินทุนสำรองประเทศ มีแค่เอลซัลวาดอร์ ประเทศเดียว ซึ่งเขานั้นไม่มีค่าเงินของตัวเขาเอง ส่วนประเทศอื่นก็มีเก็บบิทคอยน์เยอะ
(เอลซัลวาดอร์ ยกเลิกการใช้สกุลเงินโกลอนของตัวเองในปี 2544 และใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐแทน และเริ่มใช้เงินบิทคอยน์ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. 2564)
แต่ว่าในสหรัฐนั้น เขามองว่าบิทคอยน์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ยาเสพติด และเรื่องอาวุธสงคราม ที่ยึดมาได้ เขาก็เก็บเอาไว้เลย จึงขอฝากว่า น่าสนใจที่จะศึกษา และภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็น่าสนใจ แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องการฟอกเงิน เพราะว่าภูเก็ตนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องนี้อยู่
ส่วนที่นายทักษิณกล่าวว่าบิทคอยน์นั้นจะทำให้ GDP โตขึ้นนั้น นายพิธากล่าวว่าตนศึกษาว่าประเทศที่ทำแบบนี้คือ เอลซัลวาดอร์ ประเทศแรก แล้วก็มีอีกหลายประเทศ เช่นสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ที่ถือบิทคอยน์ไว้ แต่ ไม่ได้ทำมาเป็นเงินทุนสำรองประเทศ
ซึ่งเรื่องนี้นั้นอาจจะทำให้ค่าเงินมีปัญหา ถึงแม้ว่าบิทคอยน์นั้นจะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียหลายเรื่อง ซึ่งตนเองเห็นด้วยที่จะมีการศึกษา แต่ก็ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันมองในหลาย ๆ มุม
ส่วนที่นายทักษิณกล่าวว่าจะทำให้ GDP ของประเทศโตขึ้น 4 – 5 % นั้น นายพิธากล่าวว่าล่าสุดตนเองฟังธนาคารเอกชนมา เขาบอกว่าโตประมาณ 2.4 – 2.7% แต่ถ้าจะปั้นให้โต 4% ก็คือเท่ากับค่าเฉลี่ยของโลก ซึ่งในเวลานี้ประเทศกำลังพัฒนาก็อยู่ที่ 4% กว่า ถ้าได้ 4% ก็เท่ากับค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็น
แต่เรื่องนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของประเทศที่โตในลักษณะหัวลีบ ซึ่งตนเองเห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับทุนผูกขาด และการกระจายอำนาจ ซึ่งเรื่องนี้ต้องทำเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและโตไปด้วยกัน