สหรัฐเตรียมสอบสวนเข้ม! หลังพบอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 ใน 3 ในประเทศ ใช้ชิปผลิตในจีน ด้าน ก.พาณิชย์ของจีน ชี้เป็นกีดกันทางการค้า
คณะบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เตรียมเปิดการสอบสวนการค้าเซมิคอนดักเตอร์ “รุ่นเก่า” ที่ผลิตในจีน ซึ่งถูกใช้อยู่ในอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่รถยนต์ เครื่องซักผ้า ไปจนถึงอุปกรณ์โทรคมนาคม โดยการสอบสวนดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ
“สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้พบหลักฐานว่าจีนพยายามที่จะครองตลาดทั้งในประเทศและตลาดโลกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ สิ่งนี้ทำให้บริษัทต่างๆ ของจีนสามารถขยายกำลังการผลิตได้อย่างรวดเร็ว และจำหน่ายชิปราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายอย่างมาก และอาจกำจัดการแข่งขันที่มุ่งเน้นตลาด (Market-oriented competition) ได้” แคเธอรีน ไท ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าว
การสอบสวนภายใต้ “มาตรา 301” ซึ่งเริ่มขึ้นเพียง 4 สัปดาห์ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. จะถูกส่งต่อให้กับรัฐบาลของทรัมป์เพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้นในเดือน ม.ค. และอาจเป็นช่องทางให้ทรัมป์สามารถเริ่มกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนบางส่วนในอัตรา 60% ตามที่เคยขู่ไว้
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งกำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ได้กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตในจีน ในอัตรา 50% ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ม.ค. 2025 นอกจากนี้ รัฐบาลของเขายังได้คุมเข้มการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ ชิปหน่วยความจำ รวมถึงอุปกรณ์การผลิตชิปขั้นสูงไปจีน
จีน่า ไรมอนโด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ว่าเซมิคอนดักเตอร์ “รุ่นเก่า” ที่ผลิตในจีน ถูกใช้อยู่ในผลิตภัณฑ์ของสหรัฐฯ ถึงกว่า 67% และบริษัทในสหรัฐฯ กว่าครึ่งไม่ทราบแหล่งที่มาของชิป ซึ่งรวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศด้วย
กระทรวงพาณิชย์ของจีน แถลงการณ์ว่า การสอบสวนกรณีชิปของสหรัฐฯ ถือเป็นการ “กีดกันทางการค้า” และจะส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐฯ และทำลายห่วงโซ่อุปทานชิปทั่วโลก กระทรวงฯ ยังระบุด้วยว่า รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิ และผลประโยชน์ของตนเองอย่างเด็ดขาด