
ไบเดน วิจารณ์ Meta รุนแรง ว่าขัดต่อหลักปฏิบัติของอเมริกา กรณียุติตรวจสอบความน่าเชื่อถือข่าวโดยบุคคลที่สาม
ในระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน วิจารณ์ Meta อย่างรุนแรงกรณียุติโปรแกรมตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าวโดยบุคคลที่สาม (Third-Party Fact-Checking Program) และหันมาใช้บันทึกของชุมชน (Community Notes) ซึ่งเป็นระบบที่เปิดให้ผู้ใช้รายอื่นมาแจ้งเตือนแบบเดียวกับ X แทน โดยระบุว่า “ขัดต่อหลักปฏิบัติของอเมริกาโดยสิ้นเชิง”
“การยุติโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งไม่รายงานอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติ ผมคิดว่าเป็นการขัดต่อระบบความยุติธรรมแบบอเมริกันชน การพูดความจริงเป็นเรื่องสำคัญ… ความเคลื่อนไหวของ Meta ขัดต่อความเป็นอเมริกาโดยสิ้นเชิง”
“ความคิดที่ว่ามหาเศรษฐีสามารถซื้ออะไรบางอย่างแล้วบอกว่า ‘เอาล่ะ จากนี้ไป เราจะไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆ อีกแล้ว’ และมีคนอ่านสิ่งเหล่านี้ผ่านทางออนไลน์หลายล้านคน… ผมคิดว่ามันน่าละอายจริงๆ” ไบเดน กล่าว
Meta ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ให้เหตุผลว่าโปรแกรม fact-checking ดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “มีอคติทางการเมืองมากเกินไป และเป็นการทำลายความไว้วางใจมากกว่าที่จะสร้าง
“สิ่งที่เริ่มต้นจากแนวคิดในการเคลื่อนไหวเพื่อทำให้เกิดการยอมรับความแตกต่าง (inclusive) ได้ถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปิดกั้นความคิดเห็น และปิดกั้นผู้ที่มีแนวคิดที่แตกต่าง จนตอนนี้มันเลยเถิดไปไกลเกินไปแล้ว” ซีอีโอของ Meta กล่าว
นอกจากการยุติโปรแกรมตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าวโดยบุคคลที่สามแล้ว Meta ยังประกาศยุติโครงการที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (DEI) ภายในองค์กร โดยจะยุติแนวทาง “Diverse Slate Approach” ซึ่งใช้ในการพิจารณาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจากจากกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติหรือเพศสำหรับตำแหน่งงานว่าง, โครงการด้านการจัดซื้อแบบเน้นความหลากหลาย, โปรแกรมฝึกอบรมด้านความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก
โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้ในสำนักงานต่างๆ ของบริษัทแล้ว เช่น คำสั่งให้นำผ้าอนามัยออกจากห้องน้ำชาย รวมถึงการนำธีมเกี่ยวกับบุคคลข้ามเพศและผู้ที่ไม่ระบุเพศออกจากโปรแกรม messenger ของบริษัทแล้ว