
ไบเดนอวดผลงาน ทำญี่ปุ่นเพิ่มงบกลาโหมครั้งใหญ่ คาดเป็นการผู้วิกฤตดีเบตที่ย่ำแย่กับทรัมป์ครั้งก่อน
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้โอ้อวดว่า ตนคือคนที่ทำให้ญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณกลาโหมครั้งประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในปี 2022 อีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์กับ ABC News เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
“ผมคือคนที่รวม NATO ไว้ด้วยกัน เพื่ออนาคต ไม่มีใครคิดว่าผมจะขยายมันได้” “ผมคือคนที่จัดการกับปูติน ซึ่งไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ผมเป็นชายผู้ที่รวมประเทศแปซิฟิคใต้เข้าด้วยกันผ่านความร่วมมือ AUKUS (พันธมิตรความร่วมมือระหว่าง สหรัฐฯ – อังกฤษ – ออสเตรเลีย)”
“ผมเป็นคนที่ดึงนานาประเทศกว่า 50 ชาติมาให้ความช่วยเหลือยูเครน ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศในยุโรปนะ แต่รวมถึงนอกยุโรปด้วย และ ผมเป็นคนที่ผลักดันให้ญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม” ไบเดนกล่าวในรายการ
โดยการกระทำครั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าไบเดนมีจุดประสงค์จะลดผลกระทบจากดีเบตกับทรัมป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทุกฝ่ายมองว่าไบเดนพลาดอย่างรุนแรงและไม่สามารถสู้กับทรัมป์ได้เลย
ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไบเดนพูดเช่นนี้ ในเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว ไบเดนก็เคยกล่าวขณะปราศรัยหาเสียงว่า ในปี 2022 เขาได้โน้มน้าวนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ให้ดำเนินการตามแผนห้าปีเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมกว่า 50% สู่ระดับ 43 ล้านล้านเยน ()
“ผมโน้มน้าวเขาและเขาก็โน้มน้าวตัวเองว่าเขาต้องทำบางอย่างที่แตกต่างออกไป ญี่ปุ่นได้เพิ่มงบประมาณทางทหารอย่างทวีคูณ” ไบเดน กล่าวในตอนนั้น
ความเห็นของผู้นำสหรัฐฯ ในการให้สัมภาษณ์ต่อ ABC News ในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นไม่พอใจเช่นเดียวกับช่วงปราศรัยเมื่อปีที่แล้ว
โดยเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ประท้วงคำกล่าวอ้างดังกล่าวของผู้นำสหรัฐอย่างรวดเร็ว และไบเดนก็ได้กลับคำพูดของตนในอีกไม่กี่วันต่อมาว่า “คิชิดะตัดสินใจไว้แล้ว เขาไม่ต้องการการโน้มน้าวใจจากผม”
ไบเดนและรัฐบาลของเขายกย่องพันธมิตรสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น โดยได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศนั้นดีกว่าที่เคยเป็นมา นอกจากนี้ เขายังพูดถึงบทบาทของตนในการช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างโตเกียวและโซล รวมถึงการที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันกับจีน