
ทำไมกรุงเทพฯ ต้องจ่าย BTS สูงถึง 14,549 ล้านบาท ‘ชัชชาติ’ ขอ ‘สภา กทม.’ พิจารณาการชำระหนี้ BTS ตามคำสั่งศาล ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา กำหนด 30 วัน
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2567 เมื่อวานนี้ (11 ก.ย. 2567) สภาฯ ลงมติเห็นชอบตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาการชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 14,549 ล้านบาท โดยมีกำหนดการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีความประสงค์จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เป็นค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งสภากรุงเทพมหานครได้ให้ความเห็นชอบจ่ายขาดเงินสะสมแล้ว
ซึ่งตามหลักการได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงประมาณ พ.ศ. 2567 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เป็นจำนวนไม่เกิน 14,549,503,800 บาท เป็นรายจ่ายพิเศษจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร จึงขอความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครมีความจำเป็นต้องจ่ายรายจ่ายพิเศษจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทหมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 97 และมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ประกอบกับข้อ 12 แห่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง เงินสะสม พ.ศ. 2562
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง เงินสะสม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 กรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานคร จึงตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..”
ข้อ 2 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ฉบับที่ ..) พ.ศ….. ให้ตั้งเป็นรายจ่ายพิเศษ จำนวน 14,549,503,800 บาท ตามรายละเอียดเอกสารงบประมาณ
โดยจำแนกเป็นงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ สำนักการจราจรและขนส่ง งบประมาณภารกิจประจำพื้นฐานผลผลิตระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ 14,549,503,800 บาท
ข้อ 4 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครควบคุมการใช้จ่ายเงินและการบริหารงบประมาณตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้
ข้อ 5 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรักษาการตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ รวม 14,549,503,800 บาท
นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า หากเราไม่สามารถพิจารณาเงินก้อนนี้ได้ภายใน 30 กันยายนนี้ ซึ่งอยู่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จะทำให้ข้ามไปสู่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ย
ดังนั้น จึงต้องพยายามขอความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานครสำหรับเงินก้อนนี้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้ได้ ส่วนเรื่องการจ่ายชำระหนี้จะเป็นขั้นตอนต่อไป
นายพีรพล กนกวลัย ส.ก.เขตพญาไท ตั้งข้อสังเกตุว่าเหตุใดกรุงเทพมหานครซึ่งถือว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่ผู้มาบริหารเดินรถได้กำไรอยู่ฝ่ายเดียว ทำไมกรุงเทพมหานครต้องจ่ายในราคาสูงตามที่ฟ้องมาขนาดนี้ และในส่วนของ BTS ที่ทวงหนี้ กทม. ผ่านสื่อแบบนี้ตามกฎหมายแล้วเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่ ตลอดจนการทำสัญญาที่ผิดปกติหรือไม่ จึงอยากให้คณะผู้บริหารไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนแทนประชาชนด้วย
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ตั้งข้อสังเกตุเกี่ยวกับรายละเอียดการชำระหนี้ดังกล่าว ทั้งเรื่องของดอกเบี้ยต่อปี จำนวนที่ต้องชำระทั้งหมด และการคำนวณดอกเบี้ยต่อวันนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่อย่างไร
นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ได้สอบถามผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครถึงการคำนวณเงินต้นและการคำนวนอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (ฉบับที่…) พ.ศ. … ก่อนรับหลักการ จำนวน 24 ท่าน กำหนดเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เพื่อพิจารณาหลักการของร่างข้อบัญญัติดังกล่าว