Newsขอวุฒิสภาทบทวน ร่างกฎหมายอนุญาตให้ใช้อวนมุ้ง ‘ชาวประมงพื้นบ้าน’ ชี้หากมีการอนุญาตจะทำเกิด ความเสียหายทางเศรษฐกิจนับแสนล้านต่อปี

ขอวุฒิสภาทบทวน ร่างกฎหมายอนุญาตให้ใช้อวนมุ้ง ‘ชาวประมงพื้นบ้าน’ ชี้หากมีการอนุญาตจะทำเกิด ความเสียหายทางเศรษฐกิจนับแสนล้านต่อปี

นายปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย นายเหลด เมงไซ น.ส.อัศนีย์ วาฮับ  นายแสวง ขุนอาจ นางแช่ม เพ็ชรจันทร์ นายเฉลา คงเจริญ นายกัมพล ถิ่นทะเล นางรจนา ผกา และนายจิรศักดิ์ มีฤทธิ์ ตัวแทนประมงพื้นบ้าน ในฐานะตัวแทนสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย 

 

เข้ายื่นหนังสือถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ผ่านนายธนกร ถาวรชินโชติ ประธานอนุคณะกรรมาธิการด้านการประมงฯ และนางอังคณา นีละไพจิตร ประธาน กมธ.การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อขอให้สมาชิกวุฒิสภาทบทวนร่าง พรบ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558

 

โดยระบุว่าการแก้ไขร่าง พรบ. ฉบับดังกล่าว ที่สภาผู้แทนราษฎร์ได้มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งอนุญาตให้ใช้อวนขนาดตาถี่ขนาด 3-5 มิลลิเมตรทำการประมงแบบล้อมจับในเวลากลางคืนประกอบแสงไฟล่อในระยะห่างจากชายฝั่ง 12 ไมล์ทะเลนั้น จะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรร่วมของประเทศ

 

ซึ่งการอนุญาตให้ใช้อวนขนาดตาถี่ขนาด 3-5 มิลลิเมตรหรืออวนตามุ้งทำการประมงแบบ “ล้อมจับ” ในเวลากลางคืนประกอบแสงไฟล่อในระยะห่างจากชายฝั่ง 12 ไมล์ทะเล ที่ทางวิชาการสำรวจพบลูกปลาวัยอ่อนอย่างน้อย 65  ชนิด ถือเป็นการเปิดให้ทำได้ตามกฎหมายเป็นครั้งแรก 

 

เพราะตลอดช่วงเวลากว่า 50  ปี ที่ผ่านมาวิธีการทำประมงด้วยการ “ตีวงล้อมจับ” ด้วยอวนประเภทนี้ถูกห้ามมิกระทำมาตลอด เหตุผลเพราะการใช้ “แสงไฟล่อ” แล้ว “ล้อมจับ” ด้วยอวนตาถี่ตามความยาว 1,000 – 2,000 เมตร มีข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่าจะจับเอาสัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อนในสัดส่วนสูง ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ควรได้จริงนับแสนล้านบาทต่อปี 

 

นอกจากนั้นยังจะเป็นอุตสาหกรรมการประมงที่มุ่งตักตวงผลผลิต ตัดวงจรชีวิตห่วงโซ่อาหารในธรรมชาติ และมีข้อมูลงานวิจัยชี้ชัดว่าเขตทะเลระดับ 12 ไมล์ทะเลออกไป เป็นพื้นที่แหล่งกำเนิดของสัตวน้ำเศรษฐกิจวัยอ่อนหลากหลายชนิด  

 

สมาคมฯ เห็นว่า การตัดสินใจในการบริหารทรัพยากรธรรมชาติโดยไม่อิงบนฐานข้อเท็จจริงทางวิชาการอาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง ผู้ได้รับประโยชน์เป็นแค่กลุ่มเล็กๆ แต่เกิดผลกระทบประชาชนทั้งประเทศและกระทบความมั่นคงในอาชีพของชาวประมงกลุ่มอื่นๆอีกทั้ง เมื่อตราไว้ในกฎหมายระดับ “พระราชบัญญัติ” ยิ่งจะทำให้ปรับปรุงแก้ไขความผิดพลาดในอนาคตได้ยาก   

 

จึงขอเรียกร้องให้วุฒิสภา ทบทวนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 โดยเฉพาะมาตรา 69 และขอให้มีสัดส่วนบุคคลภายนอก ได้แก่ของตัวแทนชาวประมงพื้นบ้าน ตัวแทนองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม และตัวแทนนักวิชาการด้านทรัพยากรทะเลชายฝั่งและการประมงเข้าไปด้วย เพื่อให้ผู้มีความรู้เฉพาะด้านได้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงไปตรงมากับคณะกรรมาธิการแก้ไขกฎหมายอย่างรอบด้านต่อไป



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า