
บังคับขาย TikTok ให้สหรัฐฯ สภาสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายป้องกันการถูกควบคุมโดยศัตรูต่างชาติ โดยบังคับให้ ByteDance ขาย TikTok ภายใน 6 เดือน
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2567 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกฎหมาย “คุ้มครองชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยศัตรูต่างชาติ” (Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act) ด้วยคะแนนเสียง 352 ต่อ 65 โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
ซึ่งสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว กำหนดเวลาให้บริษัท ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทสัญชาติจีน เจ้าของแพลตฟอร์มติ๊กต๊อก (TikTok) เป็นเวลา 6 เดือนในการขายสินทรัพย์ในสหรัฐ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่เกิดขึ้นจากความกังวลต่อความปลอดภัยของแอปสัญชาติจีนที่มีผู้ใช้งานชาวอเมริกันทั่วประเทศกว่า 170 ล้านคน
ทั้งนี้ หาก ไบต์แดนซ์ ไม่สามารถขายหุ้นและแยกออกจาก TikTok ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด จะส่งผลให้ Apple และ Google ต้องถอด TikTok ออกจากแพลตฟอร์มของตน โดยหากละเมิดกฎหมาย ผู้ให้บริการอาจถูกปรับสูงถึง 5,000 ดอลลาร์ต่อจำนวนผู้ใช้งานแอป 1 คน หมายความว่า Apple และ Google อาจถูกปรับเงินสูงสุดถึง 8.5 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้มีรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มองว่า ความกังวลดังกล่าวเป็นเพียงสถานการณ์สมมติ ซึ่งทางการสหรัฐฯ ไม่มีการเปิดเผยหลักฐานยืนยันต่อสาธารณะว่ารัฐบาลจีนได้เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐฯ
อีกทั้งมีรายงานว่าบริษัทยังอาจประสบปัญหาในการหาผู้ซื้อชาวอเมริกัน แม้ว่าแอป TikTok จะได้รับความนิยมอย่างมากก็ตาม และมีการประเมินมูลค่าของ TikTok สูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่บริษัทผู้ซื้ออาจจะถูกตรวจสอบด้านกฎระเบียบที่เข้มงวด จนไม่สามารถเข้าซื้อได้
นายโจวโซ่วจือ ซีอีโอ TikTok โพสต์คลิปวิดีโอกล่าวว่า การแบน TikTok ในสหรัฐฯ และจะทำให้เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ออกจากกระเป๋าของบรรดาครีเอเตอร์และธุรกิจขนาดเล็กต่างๆ และบริษัทจะใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อป้องกันการแบนใช้งานในสหรัฐฯ ซึ่งหลังการลงนามบังคับใช้กฎหมาย ทางบริษัทยังมีเวลา 165 วันในการยื่นคัดค้าน
ในขณะที่นายหวังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่าสหรัฐกำลังกลั่นแกล้งจีน เนื่องจากความล้มเหลวในการแข่งขันในตลาดอย่างยุติธรรม เป็นการขัดขวางกิจกรรมทางธุรกิจในตลาด บ่อนทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน และทำลายกฎระเบียบของเศรษฐกิจโลก