เตรียมดันไทยเป็นศูนย์กลางการบิน ผู้บริหาร ‘แอร์เอเชีย’ เข้าพบนายกรัฐมนตรี ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ ชี้ไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางการบินโลก

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2567 นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แคปิตอล เอ (Capital A) ผู้ก่อตั้งกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย พร้อมคณะผู้บริหารแอร์เอเชีย เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

โดยในการนี้นายโทนี่ได้ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อต่อนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย

1 ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันสำหรับเครื่องบินไอพ่นลง 40% เนื่องจากใน 4 ประเทศที่กลุ่มแอร์เอเชียให้บริการ คือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ไม่เก็บ ส่วนฟิลิปปินส์ เก็บ 2.48 บาท/ลิตร เวียดนาม เก็บ 1.4 บาท/ลิตร ในขณะที่ไทยเก็บ 4.726 บาท/ลิตร

2 ขอให้คงอัตราค่าบริการเดินอากาศ ซึ่งวิทยุการบินแห่งประเทศไทย กำลังเตรียมจะปรับขึ้นเร็ว ๆ นี้

3 ขอเพิ่มสิทธิการบินในเส้นทางระหว่างไทย-อินเดีย

นายโทนี่ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า กลุ่มแอร์เอเชียต้องการที่จะผลักดันให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นศูนย์กลางการบินโลก เป็น Next Dubai ที่จะสามารถบินตรงจากกรุงเทพไปเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกจากศักยภาพด้านจำนวนประชากรในอาเซียนที่มีกว่า 700 ล้านคน สามารถหมุนเวียนการใช้ Hub การบินในอาเซียนเพื่อไปประเทศทั่วโลก

นายโทนี่ยังกล่าวว่า ถ้าหากไทยมีแผนจะขยายสนามบิน อยากจะให้มีการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับสายการบิน Low Cost ด้วย

ด้านนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ดล์ ประธานกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ กล่าวว่ามีแผนที่จะมีการควบรวมสายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ตามการปรับโครงสร้างของกลุ่มแอร์เอเชียที่ประกาศไปเมื่อ 2 วันก่อน

แต่ต้องรอให้สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ออกจากแผนฟื้นฟูเสียก่อน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ และคาดว่าจะออกจากแผนฟื้นฟูได้ในช่วงปลายปี 2568

สำหรับในปี 2567 แอร์เอเชียตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารเอาไว้ที่ 20-21 คน ซึ่งยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิดที่ 22 ล้านคน ปัจจุบันมีเครื่องบิน 57 ลำ แต่ใช้ได้จำนวน 51 ลำ และอยู่ระหว่างซ่อม 6 ลำ ในปีนี้จะรับมอบเครื่องบินเพิ่มเข้ามาอีก 3 ลำ 

ในขณะที่ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ มีเครื่องบิน 6 ลำ ปีนี้จะรับมอบ 4 ลำในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งยังเตรียมเปิดจุดบินใหม่ไปยังเมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน และปลายปีนี้คาดว่าจะเปิดจุดบินในยุโรปเป็นครั้งแรก ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาเส้นทางสู่ปราก บูดาเปสต์ โรม มิลาน และเวียนนา