
แฉธุรกิจสร้างปริญญา จ่ายไม่ถึงล้าน ก็เป็น ศ. ได้ ‘รศ.สมชัย’ ถามการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ถือเป็นการสมัครงานรับราชการหรือไม่?
รศ. สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีต กกต. โพสต์เฟสบุ๊กเปิดเผยถึงธุรกิจการรับเทียบโอนวุฒิในสหรัฐอเมริกา และมีการตั้งชื่อให้เหมือนมหาวิทยาลัย เพื่อตอบสนองต่อผู้ที่มีเงิน แต่ไม่มีวุฒิที่ต้องการมีตำแหน่ง ดร., รศ. หรือ ศ. นำหน้า
ด้วยการให้ผู้รับบริการส่งใบปริญญาบัตรมาให้บริษัท เพื่อการเทียบวุฒิการศึกษา และออกใบรับรองการเทียบวุฒิที่มีหน้าตาคล้ายใบปริญญา
อีกทั้งยังเปิดให้บริการเทียบโอนตำแหน่งทางวิชาการ ด้วยการให้ผู้รับบริการ แนบหลักฐานแสดงประสบการณ์ทำงานมาให้ โดยต้องการหลักฐาน 3 ชิ้นสำหรับตำแหน่งรองศาสตราจารย์ (รศ.) และ 5 ชิ้นสำหรับตำแหน่งศาสตราจารย์ (ศ.)
หากผู้ขอรับบริการทำงานวิจัยไม่เป็น ก็มีบริการสอน และบริการรับทำงานวิจัยให้ พร้อมบริการนำส่งผลงานลงตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดมีราคาไม่ถึงหลักล้าน ซึ่งดีกว่าบินไปเรียน 5 ปี 10 ล้าน ก็ยังอาจจะไม่จบการศึกษา
“ผู้มีสตางค์ที่อยากได้ปริญญา อยากได้ ดร. อยากได้ ศ. รศ. เลย เห็นว่านี่คือ ทางลัด ประหยัด ไม่เหนื่อยแรง แต่ไม่รู้ว่า สิ่งนี้ ไม่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่มีมาตรฐาน” รศ. สมชัยระบุ
รศ. สมชัย ระบุว่าธุรกิจนี้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้มีเงิน และได้รับการบอกต่อ ๆ กันจนมีผู้ขอใช้บริการหลักร้อย สร้างปัญหาการโจรกรรมทางวรรณกรรม (plagiarism) ขึ้นอย่างมากในวงการวิชาการ ซึ่งสมัยก่อนนั้น การตรวจสอบเป็นไปได้ยาก
แต่ในสมัยนี้มีซอฟต์แวร์ในการช่วยตรวจสอบ เช่น การใช้โปรแกรม Turnitin นาทีเดียวก็รู้เรื่องว่า ลอกกันกี่คำ กี่บรรทัด กี่หน้า หรือทั้งเล่ม
ที่ผ่านมามีอาจารย์มหาวิทยาลัยของรัฐถูกไล่ออกมาแล้วหลายคน และมีนักศึกษาหลายคนที่ถูกสภามหาวิทยาลัยถอดถอนวุฒิ จากการถูกตรวจสอบพบว่ากระทำการโจรกรรมทางวรรณกรรม
“แต่ในโลกนี้ยังมีธุรกิจวารสารนักล่า Predatory Journals สร้างชื่อวารสารออนไลน์ที่ตั้งชื่อคล้าย ๆ วารสารดัง ๆ ให้บทความประเภทนี้ตีพิมพ์ง่าย ๆ เพียงจ่ายเงินตามอัตราที่กำหนด
แค่ไม่กี่เดือน บทความร้อยเรื่องหนึ่งเนื้อความ ของผู้เรียนนับสิบคนก็ตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศเหล่านั้น พร้อมส่งประเมินเทียบวุฒิ เทียบตำแหน่งวิชาการกับบริษัทดังชื่อคล้ายมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา” รศ. สมชัยระบุ
นอกจากนี้ รศ. สมชัยยังระบุว่า “ลงเฟซ ลง ติ๊กต๊อก สร้างภาพสวย ๆ ไม่น่าจะมีปัญหา คนเห็นก็กดไลก์ กดหัวใจให้ ยิ่งปลื้มกันใหญ่ แต่พอเอามาใช้กับอะไรที่เป็นทางการมาก ๆ น่าจะเรื่องยาว เพื่อนผมที่เป็นหมอบอกว่า นี่คือ อาการ pathological liar คือ โกหกในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ตัวว่าโกหก
ปัญหาคือ หากยังดึงดันและฟ้องกราดปิดปากใครต่อใคร เรื่องถึงศาล ฝ่ายถูกฟ้องเขาขอให้ศาลเรียกเอกสารวิชาการทุกชิ้นมาตรวจสอบ อาการหนาวจะยิ่งกว่าทวีปอาร์กติก” และ
“ไม่กี่เดือนถัดมา รศ.ดร. ก็มาอยู่หน้าชื่อ รออีกแป๊บ ก็ใช้ ศ.ดร. ได้ โดยถ้าไม่มาสมัครงานราชการ ก็ไม่มีใครว่า ปัญหาคือ วุฒิสภา คือ การสมัครงานราชการหรือไม่ เข้าใจว่า อ.ที่ปรึกษาอาจลืมติว”