
7 ข้อโต้แย้งดร.สุวันชัย MOU 44 ไม่ได้เป็นคุณต่อไทย
ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม อดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอดีตสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง ได้เผยแพร่บทความเรื่อง “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ตอนที่ 9 : ข้อเสียในข้อดีของ MOU 2544 ที่มักถูกกล่าวอ้าง”
โดยมีเนื้อหาเพื่อการโต้แย้งกับดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ผู้ลงนามรับรอง MOU 2544 ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย ในหนังสือชื่อ “กฎหมายและผลประโยชน์ของไทยในอ่าวไทย : กรณีศึกษาบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา เรื่องการเจรจาสิทธิในอ่าวไทย” ที่พิมพ์เมื่อปี 2553 ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้
ประเด็นที่ 1
ดร. สุรเกียรติ์เห็นว่า MOU44 ทำให้เกิดกรอบและกลไกสำหรับการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปเรื่องการปักปันเขตแดนในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน (Overlapping Claims Area: OCA) เหนือเส้นละติจูด 11° เหนือ และการพัฒนาพื้นที่ร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนใต้เส้นละติจูด 11° เหนือ
ดร.สุวันชัยเห็นว่ามีข้อเสียที่ทำให้การเจรจาถูกจํากัดกรอบไว้และไม่สามารถเจรจานอกเหนือไปจากกรอบนั้นได้ โดยถูกจํากัดกรอบให้เจรจาได้เฉพาะว่าจะมีการพัฒนาพื้นที่ร่วมโดยแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างไรเท่านั้น
ประเด็นที่ 2
ดร.สุรเกียรติ์เห็นว่า MOU 44 ทำให้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจาแบบสันติวิธีได้
ดร. สุวันชัยเห็นว่า กัมพูชาไม่มีขีดความสามารถในการสร้างความขัดแย้งทางทะเลกับไทยได้ เพราะกองทัพเรือไทยมีความเข้มแข็งกว่ากัมพูชามาก
ประเด็นที่ 3
ดร.สุรเกียรติ์เห็นว่า MOU 44 มีการผูกประเด็นการเจรจาโดยห้ามไม่ให้มีการแยกพื้นที่ OCA ส่วนบน กับพื้นที่ส่วนล่างออกจากกัน ทำให้สามารถเร่งรัดการเจรจาให้เร็วขึ้นได้
ดร. สุวันชัยเห็นว่าการผูกประเด็นการเจรจานั้น มีผลที่เป็นคุณต่อกัมพูชามากกว่าไทย เนื่องจากกัมพูชามิได้อ้างสิทธิพื้นที่ทับซ้อนตามอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างเป็นภาคี หรือหลักกฎหมายระหว่างประเทศใดๆ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนส่วนบน ซึ่งกัมพูชากำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปตามใจชอบ ในขณะที่ไทยนั้นอ้างสิทธิตามกฎหมายทะเล
และถ้าทั้ง 2 ฝ่ายปฎิบัติตามกฎหมายทะเลแล้ว กัมพูชาจะสูญเสียพื้นที่ในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนส่วนบน และพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนที่แท้จริงในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนส่วนล่างก็จะลดลงอย่างมาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไทยมากกว่า
ประเด็นที่ 4
ดร.สุรเกียรติ์เห็นว่า MOU 44 สามารถยืนยันว่ากัมพูชายินยอมถอนการเรียกร้องสิทธิเหนือเกาะกูด
ดร. สุวันชัยเห็นว่าเกาะกูดเป็นของไทยอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ อยู่แล้ว อีกทั้งในกฤษฎีกาที่กัมพูชาใช้อ้างสิทธิ กัมพูชาได้เขียนชื่อภาษาอังกฤษของเกาะกูดกํากับไว้ ว่า “Koh Kut (Siam)” ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่ากัมพูชาไม่ได้อ้างสิทธิใดๆ เหนือเกาะกูดอย่างที่หลายคนอาจเข้าใจผิดไป
อีกทั้งตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ก็มีการระบุว่าเกาะกูดเป็นของไทย อีกทั้งรัฐบาลไทยได้มีการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของเกาะกูดมาตั้งแต่ปี 2517 และมีคนไทยไปตั้งรกรากบนเกาะกูด และมีกำลังทหารประจำการบนเกาะกูดด้วย
ประเด็นที่ 5
ดร.สุรเกียรติ์เห็นว่า MOU 44 ทําให้กัมพูชายอมรับอย่างเป็นทางการและเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรกถึงการอ้างสิทธิในไหล่ทวีปของไทยตามที่ได้ประกาศเมื่อปี พ.ศ. 2516 และการอ้างสิทธิทางทะเลของไทยจะไม่ถูกกระทบไม่ว่าการดำเนินการตาม MOU 2544 จะมีผลออกมาอย่างไร
ดร. สุวันชัยยกตัวอย่างกรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับไหล่ทวีปในทะเลเหนือ ค.ศ. 1969 (North Sea Continental Shelf 1960) ซึ่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยืนยันว่าสิทธิของรัฐชายฝั่งเหนือไหล่ทวีปไม่ได้ขึ้นอยู่กับการประกาศอ้างสิทธิหรือการยึดครอง แต่เป็นสิทธิที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจากการมีไหล่ทวีป
รัฐจึงมีสิทธิอธิปไตยเหนือไหล่ทวีปของตนโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องมีการประกาศอ้างสิทธิก่อน แม้รัฐอื่นจะเข้ายึดครองพื้นที่ในไหล่ทวีปของอีกรัฐหนึ่ง ก็ไม่อาจอ้างสิทธิเหนือบริเวณนั้นได้ เว้นแต่รัฐนั้นจะไม่โต้แย้ง ยอมรับการครอบครอง หรือสละสิทธิของตน
ประเด็นที่ 6
ดร.สุรเกียรติ์เห็นว่า MOU 44 ทำให้เกิดการเจรจาตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ส่งผลให้ทั้งไทยและกัมพูชาในปัจจุบันและอนาคตไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ต้องผูกพันตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
ดร. สุวันชัยเห็นว่า ทั้งไทยและกัมพูชามีพันธะที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นภาคีของอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 แต่ MOU 2544 กลับส่งผลเสียต่อไทย โดยทำให้พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนส่วนล่างไม่ต้องมีการกำหนดเขตไหล่ทวีปตามกฎหมายทะเลและกฎหมายระหว่างประเทศ
ประเด็นที่ 7
ดร.สุรเกียรติ์เห็นว่า MOU 44 สามารถทำให้ไทยนําเอาทรัพยากรปิโตรเลียมขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้เร็วขึ้น ซึ่งไทยนั้นมีความต้องการพลังงานและมีความพร้อมในการสํารวจและขุดเจาะปิโตรเลียม
ดร. สุวันชัยเห็นว่า กัมพูชาไม่ได้ปรับเส้นเขตไหล่ทวีปของตนให้ถูกต้องตามกฎหมายทะเล แต่ MOU 2544 ไปยอมรับให้พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนส่วนล่างทั้งหมดเป็นพื้นที่พัฒนาร่วม จึงทำให้ไทยสูญเสียผลประโยชน์ที่ควรได้