
42 ปี แห่งพระราชวิสัยทัศน์กรมสมเด็จพระเทพ ฯ ทรงสานไทย-จีนด้วยใจ สู่ความผูกพันที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืน
ในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กรมสมเด็จพระเทพ ฯ ทรงตอบรับคำกราบบังคลทูลเชิญให้เสด็จร่วมในพิธีเปิดของรัฐบาลจีน ในฐานะ “มหามิตรที่ดีของประชาชนจีน” [1] และก่อนจะเสด็จจากสนามบินดอนเมืองในวันที่ 3 ก.พ. นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ยังน้อมเกล้าถวายวัคซีนซิโนฟาร์มแด่พระองค์อีกด้วย [2]
ประเทศไทยเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกนี้ ที่มีวัคซีนให้เลือกใช้ หลากหลายที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง มีครบทุกเทคโนโลยีวัคซีน ตั้งแต่เทคโนโลยีเชื้อตาย (ซิโนแวค – ซิโนฟาร์ม) จากจีน, เทคโนโลยี ไวรัล เว็คเตอร์ (แอสตร้าเซนเนก้า) ที่ผลิตเองในไทย และเทคโนโลยีสารพันธุกรรม (ไฟเซอร์ โมเดอนา) จากอเมริกา
ซึ่งนี่ทำให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการทดลองและวิจัยสูตรไขว้ในประเทศได้ และแม้องค์กรอนามัยโลก ยังต้องพึ่งพาและยอมรับผลการวิจัยจากไทย [4]
การที่ไทย มีวัคซีนทางเลือกเอาไว้ใช้อย่างมากมายนั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสร้างความสัมพันธ์กับจีน เพื่อถ่วงดุลกับนโยบายการต่างประเทศให้ไม่โน้มเอียงไปทางชาติตะวันตกและอเมริกามากเกินไปนั่นเอง และบุคคลสำคัญที่มีบทบาทชัดเจนในการเชื่อมโยงระหว่างไทยและจีนนั้น ไม่มีใครโดดเด่นไปกว่า กรมสมเด็จพระเทพ ฯ
ย้อนกลับไปในช่วงสงครามเย็น ที่รัฐบาลไทยเลือกยืนข้างอเมริกาอย่างชัดเจน แต่ใน พ.ศ. 2523 สมเด็จพระเทพ ฯ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) กลับทรงเลือกเรียนภาษาจีน ภายใต้การส่งเสริมจากสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) [5]
กรมสมเด็จพระเทพ ฯ ทรงเสด็จเยือนจีนหลายครั้ง และทรงเสด็จจีนครบทั่วทุกมณฑล จนแม้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกล่าวถึงพระองค์ ด้วยความชื่นชมว่า พระองค์เสด็จเยือนจีนมากกว่าข้าพเจ้าเสียอีก และทรงมุ่งสร้างความสัมพันธ์กับชาวจีนตั้งแต่ระดับผู้นำสูงสุด ลงไปถึงประชาชนคนสามัญตลอดเวลา บางครั้ง พระองค์เสด็จไปร่วมกิจกรรมกับประชาชนชาวจีนอย่างไม่ถือพระองค์ สร้างความประทับใจให้แก่ชาวจีนทุกหมู่เหล่า ทรงมีความรู้ความเข้าใจในภาษาและวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง จนทรงได้รับการโหวตเลือกจากประชาชนชาวจีน 15 ล้านคน ให้พระองค์ทรงเป็น “1 ใน 10 มหามิตรของจีน” ในวโรกาสครบรอบ 60 ปีสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2552 [6] ก่อนที่จะทรงรับการทูลเกล้าถวาย “เหรียญรัฐมิตราภรณ์” จากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในอีก 10 ปีถัดมา [7]
ด้วยความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของพระองค์กับประเทศจีน ในขณะที่รัฐบาลไทยเข้าหาอเมริกา กลายเป็นปัจจัยที่สำคัญทำให้ไทย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ชาติมหาอำนาจล้วนพยายามแย่งชิง สามารถบริหารความสัมพันธ์กับทั้งสองขั้วอำนาจได้อย่างดีตลอดมา ซึ่งนี่ไม่เพียงทำให้ประเทศไทยมีความสมดุลทางการทูตและการทหารเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้ไทย สามารถตั้งเงื่อนไขในการเรียกร้องผลประโยชน์ของชาติ จากทั้งสองมหาอำนาจได้อย่างเต็มที่ ยึดอกขึ้นเจรจาต่อรองได้อย่างสง่างามตลอดมา
นี่คือพระราชกุศโลบายอันแยบคายของราชวงศ์จักรี ในการช่วยเหลือส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของทุกรัฐบาล โดยไม่แทรกแซงก้าวก่าย เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยามทั้งมวล
อ้างอิง :
[2] กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ ทูตจีน น้อมเกล้า ฯ ถวายวัคซีนซิโนฟาร์ม ป้องกันโควิด-19
[3] กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน 3-5 ก.พ.
[4] ผลวิจัย “วัคซีนสูตรไขว้” ศิริราช: องค์การอนามัยโลก เผยแพร่ทั่วโลก
[5] เจ้าหญิงไทยเสด็จฯทั่วแดนมังกร