
‘ไทยได้ดุลญี่ปุ่น 1.3 แสนล้าน’ นายกรัฐมนตรีชื่นชมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมผลักดันสินค้าเกษตรไทยในตลาดญี่ปุ่น
8 ก.ค. 2565 – นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชื่นชมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำงานผลักดันการขยายตลาดสินค้าไทยในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง จนเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
โดยกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร อันดับ 2 ของไทย โดยระหว่างปี 2562-2564 ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 11.35 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปตลาดโลก และที่ผ่านมา ไทยได้ดุลการค้าสินค้าเกษตรกับญี่ปุ่นมากกว่า 130,000 ล้านบาท
นายธนกร กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้แทนไทย ได้เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อหารือร่วมกับภาคเอกชนด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าเกษตรของไทยในญี่ปุ่น
.
พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการ ศึกษาแนวโน้มตลาด และรสนิยมของผู้บริโภค เพื่อผลิตสินค้าเกษตรและอาหารให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต”
“เนื่องจากมีโอกาสและความต้องการเป็นช่องทางให้ไทยขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ไปยังตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีช่องทางในการเพิ่มความร่วมมือด้านต่าง ๆ อาทิ ร่วมลงทุนด้านเกษตรอุตสาหกรรม เครื่องจักรกลและเทคโนโลยีเกษตร พัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางเรือและ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขยายความร่วมมือด้านการพัฒนาอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ร่วมกับมหาวิทยาลัยทากะซากิ (Takasaki City University of Economics) ในจังหวัดกุนมะ และ บริษัท ฟิวเจอร์นอท อิงค์ (Futurenaut Inc.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารจากแมลงโดยใช้ผงจิ้งหรีดนำเข้าจากประเทศไทยไปแปรรูป เช่น ขนมแครกเกอร์ โปรตีนแท่ง เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อร่วมมือวิจัยและพัฒนาแมลงต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจากโปรตีนทางเลือก สอดรับแนวทางองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO: Food and Agriculture Organization) ที่ประกาศให้แมลงเป็นแหล่งอาหารในอนาคตของโลก
โดยตลาดอาหารจากแมลงนั้นมีการเติบโตสูงในญี่ปุ่น จึงถือเป็นโอกาสไทยในการขยายตลาด สร้างงาน สร้างรายได้แก่เกษตรกร ซึ่งปัจจุบันมีฟาร์มแมลงของเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และบริษัทเอกชนกว่า 1 แสนฟาร์ม ส่งออกแมลงทั้งในทวีปอเมริกาใต้ ยุโรปและเอเชีย
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ทำงานร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา และกระทรวงเกษตร ป่าไม้ ของญี่ปุ่น ผลักดันการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) สินค้าท้องถิ่นไทยในตลาดญี่ปุ่นจำนวน 3 รายการ ได้แก่ กาแฟดอยตุง กาแฟดอยช้าง จังหวัดเชียงราย และสับปะรดห้วยมุ่น จังหวัดอุตรดิตถ์
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายโอกาสทางการค้าให้กับสินค้า GI ไทยในตลาดต่างประเทศ สร้างรายได้แก่ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าสร้าง รายได้ให้แก่เกษตรกรไทยกว่า 1.2 พันล้านบาท โดยคณะผู้ตรวจสอบฯ จะเดินทางลงพื้นที่ดูแหล่งเพาะปลูกและแหล่งผลิตสินค้า GI ในไทยช่วงปลายปี 2565 นี้
“นายกรัฐมนตรีชื่นชมหน่วยงานเกี่ยวข้องที่ได้บูรณาการความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น และระหว่างประเทศ เพื่อกระตุ้น และขยายการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมร่วมกัน
.
รวมทั้งรับฟังความเห็นเกี่ยวกับปัญหา และข้อเสนอแนะโดยตรงจากผู้ประกอบการของไทยและญี่ปุ่น เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและการออกมาตรการที่มีประสิทธิภาพ พร้อมกำชับทุกฝ่ายร่วมพัฒนา และผลักดันภาคการเกษตรและสินค้าชุมชนของไทยอย่างต่อเนื่อง
บูรณาการความร่วมมือในการส่งออกแมลงผงเพื่อตอบโจทย์เทรนด์อาหารแห่งอนาคต อีกทั้งส่งเสริมสินค้า GI ให้มีมูลค่าการตลาดเพิ่ม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และขยายช่องทางการตลาดให้กับสินค้า เพิ่มรายได้ให้กับผู้ผลิตสินค้าในชุมชน มุ่งหวังเกษตรกรและผู้ประกอบการชุมชนรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้น” นายธนกร กล่าว
Related posts
จะกี่ไร่ก็ไม่สำคัญ ‘เศรษฐา’ ยันจัดการพื้นที่ทับซ้อน ส.ป.ก. – อุทยานเขาใหญ่ ตามกระบวนการทางกฎหมาย
คนละครึ่งเฟส 5 คาดเงินหมุนเวียนกว่า 4.2 หมื่นล้าน ดูให้ชัดลงทะเบียน-ยืนยันสิทธิวันไหน?
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม