
เสรีภาพมีราคา อย่าหมิ่นประมาทออนไลน์ ถ้าไม่รวยพอ
“ในการใช้สิทธิและเสรีภาพของตน ทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อความมุ่งหมายในการรับรองและเคารพในสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นเท่านั้น และเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดอันเที่ยงธรรมของศีลธรรม ความสงบเรียบร้อยของประชาชน และสวัสดิการทั่วไปในสังคมประชาธิปไตย” – ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน, มาตรา 29 ข้อ 2 [1]
ข้อความข้างต้น คือข้อความจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่ 193 ประเทศในสหประชาชาติล้วนลงนามรับรองว่าจะปฏิบัติตาม ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ประเทศเสรีประชาธิปไตยทุกประเทศ ย่อมมีกฎหมายที่ให้สิทธิในการแสดงออกแก่มนุษย์ทุกคน ตราบเท่าที่การแสดงออกนั้น มิได้ละเมิดต่อศีลธรรมอันดี ความสงบเรียบร้อยของสังคม และกฎหมายของประเทศนั้น ๆ รายละเอียดอาจจะแตกต่างกันไป แต่โดยหลักการแล้วเหมือนกัน
พัฒนาการของโซเชียลมีเดีย ทำให้การแสดงออกของบุคคลสามารถแพร่ออกไปได้เร็วและกว้างไกลกว่าในอดีตมาก โพสต์ใด ๆ อยากจะถูกเข้าถึงโดยผู้คนนับล้าน ภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน นั่นทำให้การเกิดข้อพิพาททางความคิด เกิดขึ้นได้เร็ว และกว้างมากกว่าเดิม
สิ่งที่ตามมาก็คือ การหมิ่นประมาท และการฟ้องหมิ่นประมาทจากการแสดงความคิดเห็นออนไลน์นั่นเอง
ถึงแม้ว่าจะเป็นการกระทำบนโลกออนไลน์ แต่กฎหมายหมิ่นประมาท ยังคงอ้างอิงตาม “ประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ลักษณะ 11 หมวด 3 ความผิดฐานหมิ่นประมาท” ซึ่งหมายถึงการกระทำอันทำให้ ”ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง” ดุจเดิม
สำหรับรายละเอียดบางประการ ที่หลายท่านยังไม่ทราบเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทออนไลน์ มีดังนี้
- ตอบคำถาม ก็ผิดได้ ดังปรากฏใน “คำพิพากษาฎีกาที่ 79/2537” ซึ่งจำเลยเพียงตอบข้อซักถาม แต่คำตอบนั้นทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงมีความผิด [4]
- พูดความจริง ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย มีความผิด แต่หากพูดเท็จจนเหลือเชื่อ กลับไม่ผิด (คำพิพากษาฎีกาที่ 256/2509) [5]
- พูดถาก ๆ เลี่ยงบาลี แต่มีบริบทที่ระบุได้ว่าหมายถึงใคร มีความผิด (คำพิพากษาฎีกาที่ 256/2509 และ 3493/2562) [5] [7]
- จะอ้างว่านึกว่าผู้ฟังไม่เข้าใจไม่ได้ หากข้อความนั้นเป็นข้อความที่คนทั่วไปฟังแล้วเข้าใจ (คำพิพากษาฎีกาที่ 3920/2562) [8]
- เปิดโพสต์สาธารณะ เข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มาตรา 328 โทษหนักกว่าหมิ่นประมาททั่วไป [2]
- ทำให้ผู้อื่นเสียหายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ เป็นความผิดทางแพ่งด้วย (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423) [3]
- ทำให้ผู้ตายเสียหาย ญาติพี่น้อง ลูกหลาน สามารถฟ้องแทนได้ (อาญา มาตรา 327) [2]
- ใช้คำหยาบคาย มีความผิดด้วยเช่นกัน [9]
โดยหลักการพิจารณาคดี โดยพื้นฐานผู้พิพากษาจะมุ่งพิจารณาเจตนาของผู้กระทำเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองเอาไว้ก่อนก็ดี หรือโดยไม่มีการยับยั้งชั่งใจก็ช่าง หากเป็นการกระทำโดยเจตนาร้าย และทำให้ผู้อื่นเสียหายตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ศาลย่อมพิจารณาว่ามีความผิดทั้งสิ้น
หากเราโกรธ และนึกด่าในใจ เราย่อมไม่ผิด แต่ถ้าสิ่งที่เราคิด เผยแพร่ออกไป ถือว่าเราได้กระทำลงไปแล้ว ย่อมต้องได้รับผลของกรรมนั้น ตามกฎหมาย
ก่อนกด Enter ส่งข้อความใด ๆ ออกไป พิจารณาให้ถ้วนถี่สักนิด อย่าเพิ่งคิดสั้นเลย
หัวใจของประชาธิปไตย ไม่ใช่สภาหรือการเลือกตั้ง แต่เป็นประชาชนที่เข้าใจและเคารพ ภราดรภาพ
ทำไมมีคนเข้าข้างอดีตทีมงาน? ผ่าเรื่องโอปป้า ผ่านสายตา ‘ชาวมาร์กซิสม์’
ขบวนการจัดฉากล่อให้กระทำความผิดแบบแก๊งหมอปลา ระวัง!!! เหยื่อต่อไปอาจเป็นคุณ! ความแตกต่างระหว่าง ‘ล่อซื้อ’ กับ ‘ล่อให้กระทำความผิด’ ที่ทุกคนต้องรู้!
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม