
เล่ากฎหมายสากล กรณีบุคคลการเมืองทำกิจกรรม “ชี้นำ” เยาวชน ผิด หรือไม่ผิด ?
งานเข้าไหมละ! เมื่อ 23 มีนาคม 2565 นั้นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เข้าไปอบรม coding ครูเทศบาลตำบลด่านสำโรงเพื่อให้โรงเรียนอนุบาลด่านสำโรงได้มีหลักสูตรการเขียนโปรแกรมและการใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ สำหรับนักเรียน ป.4-ป.6 ด้วยอุปกรณ์ประกอบการสอนที่มีโลโก้ของพรรคก้าวหน้าติดอยู่เสมอ พร้อมกับการโปรโมตการทำงานของตัวเองและพรรคไปด้วยและเชิญให้ไปติดตามเพจของนายธนาธร ง่าย ๆ ก็คือแอบหาเสียงไปด้วย
แต่ผ่านไปสองวันผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการก็ได้ทำหนังสือถึงส่วนราชการให้หยุด “คณะก้าวหน้า” จัดอบรมเพราะการนำบุคลากรภายนอกมาจัดอบรมในโรงเรียน อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย [1] จนนายธนาธรต้องออกมาตอบโต้ผู้ว่า ฯ ด้วยจดหมายเปิดผนึก
ทั้งนี้ธนาธรอ้างว่าเขาไม่ได้ไปเอง แต่ทางเทศบาลเชิญเขามาบรรยายเองในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจที่มีการเชิญนายธนาธรมาด้วย ทั้ง ๆ ที่ เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้จริงและมีคนที่เก่งและเชี่ยวชาญจริงกว่านี้อีกเยอะ นั่นก็เพราะเทศบาลตำบลด่านสำโรง มีนายสมพงษ์ วีรชาติวัฒนา ที่เป็นคนของพรรคก้าวหน้า เป็นนายกเทศบาลนั่นเอง [2] จึงกล้าเชิญมาได้
แต่การที่นายธนาธรจะโดนเพ่งเล็งนั้นก็เป็นอะไรที่ไม่น่าแปลกใจ เพราะตัวเขานั้นก็เคยเข้าไปหาเสียง และพยายามล้างสมองเด็กในโรงเรียนดังมาก่อนในไม่กี่ปีที่ผ่านมา [3] กอปรกับที่มีการเปิดเผยว่าเคยมี NGOs เข้าไปล้างสมองเด็กในโรงเรียนต่าง ๆ ให้เกลียดพ่อแม่ตัวเอง [4] นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและอาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
ความจริง ถ้าคุณธนาธรและพรรคก้าวไกลยังมีสามัญสำนึก ควรจะรู้ว่าการเข้าไปในสถานศึกษาและนำผู้เยาว์ (minor) โดยเฉพาะเด็กประถม ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง นั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรยิ่งในโลกประชาธิปไตยและผู้ที่เจริญแล้ว
ทำไมเราต้องปกป้องผู้เยาว์ให้พ้นจากกิจกรรมทางการเมืองที่ไม่จำเป็น?
เด็กหรือผู้เยาว์นั้นในทางกฎหมายทั้งทางไทยและสากล เขาถือว่าเป็นผู้ไร้ความสามารถ (incapacitated person) ต้องได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายเป็นพิเศษเพราะถือว่ายังอ่อนเยาว์ ไร้ประสบการณ์ และสภาพร่างกายและจิตใจยังไม่เข้มแข็งพอ จึงต้องให้มีสภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์หรือบรรลุนิติภาวะก่อน [5]
พูดง่าย ๆ เด็กนั้นก็เป็นเหมือนผ้าขาว ที่ยังบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ไม่รู้เรื่องราวใด ๆ มากนัก เด็กจะเป็นคนดีหรือคนชั่วในวันหน้าก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใหญ่เอาสีอะไรมาป้ายให้เด็ก แน่นอนว่าเราเห็นด้วยว่า ควรฝึกให้เด็กรู้จักคิดเอง แต่นั่นก็ต่อเมื่อพวกเขาโตทั้งกายและใจ และมีความรู้ต่าง ๆ มากพอที่จะรับรู้เรื่องราวที่มีความสลับซับซ้อน และต้องใช้วุฒิภาวะทางอารมณ์ในการตัดสินใจเช่นเรื่องการเมืองได้ เด็กประถมนั้นเราไม่ควรเอาเขามาเกี่ยวข้องด้วย เช่นการพยายามสอนครูให้เอาไปล้างสมองเด็กในโรงเรียนต่อ เช่นนี้
การเมืองนั้นเป็นเรื่องซับซ้อน มีทั้งเรื่องกฎหมาย ระเบียบ ตัวเลขงบประมาณ ข้อมูลต่าง ๆ มาเกี่ยวข้อง ผู้เยาว์ โดยเฉพาะเด็กประถม เขาจะรู้เรื่องพอ คิดแยกแยะได้หรือ ? ตอนเด็กมีใครอ่านหนังสือ politics ของอริสโตเติล หรือ นักปกครองของมาเคียวาลิ รู้เรื่องบ้าง? มีใครอ่านรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายรู้เรื่องไหม ? ประวัติสาสตร์ละรู้ละเอียดแค่ไหน ? นิติธรรม นิติรัฐ เศรษฐศาสตร์ ? นักการเมืองดีเป็นอย่างไร ? ถามจริงเด็กมันจะรู้เรื่องพวกนี้จนแยกแยะเองได้ไหม ? รอให้เขาโตและมีสิทธิเลือกตั้งก่อนแล้วค่อยมาหาเสียงไม่ดีกว่าหรือ
ในต่างประเทศ การพยายามโฆษณาชวนเชื่อและล้างสมองเด็ก หรือการพยายามนำเด็กมายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองนั้น ส่งผลเสียหลายอย่างต่อเด็กมาก เช่น ในอเมริกา หลังจากเหตุการณ์ จอร์จ ฟอยด์ มีการพยายามชักชวนให้เด็กอายุ 12 ปีออกมาสู้เพื่อความยุติธรรมทางสังคม พบว่าเด็กคนนั้นเริ่มมองโลกในแง่ร้ายและประสบความทุกข์ทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็กวัยนี้ [6]
อีกทั้งทำให้เด็กจำประวัติศาสตร์แบบผิด ๆ บิดเบือนนิยามความชั่วดี กลายเป็นยกย่องคนชั่ว รังเกียจคนดี [7] และเลียนแบบเรื่องเลว ๆ เพราะคิดว่าดี เฉกเช่นในอดีต ที่มีการล้างสมองเด็ก ให้กลายเป็น ยุวนาซีในเยอรมัน หรือยุวชนแดงในจีน ทำให้เด็กต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ เป็นแผลในใจจากการต่อสู้ของผู้ใหญ่ ขอถามนายธนาธรว่าหากเด็กมันออกไปประท้วงจากการที่โดนคุณปลุกระดมจนโดนลูกหลงเวลาปราบม็อบเสียชีวิตจะรับผิดชอบยังไง ?
นอกจากนี้รู้หรือไม่ ว่าในต่างประเทศโลกประชาธิปไตยเมืองที่เจริญแล้ว ทำแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมาย เช่น
ประเทศแคนาดา
ศาลได้ตัดสินไว้ในคดี R v Keegstra, [1990] 3 SCR 697 [8] ให้ลงโทษอาจารย์ที่สอนเด็กนักเรียนโดยใช้ hate speech สอนให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนเกลียดชาวยิว และหลอกว่ามีทฤษฎีสมคบคิดในการแอบครองโลกโดยชาวยิว แม้จะอ้างว่าเป็นเสรีภาพในการแสดงออกก็ฟังไม่ขึ้น นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2009 รัฐแอลเบอร์ตา ก็ได้ออกกฎหมาย ที่เรียกว่า Bill 44 บังคับให้ต้องแจ้งผู้ปกครองเด็กเป็นลายลักษณ์อักษรทราบหากมีการสอนเรื่องเพศ ศาสนา ประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน และหากผู้ปกครองไม่พอใจสามารถนำเด็กออกจากโรงเรียนได้ [9]
ประเทศอเมริกา
กฎหมายเรื่องการศึกษาถือเป็นกฎหมายตามแต่ละมลรัฐ ซึ่งก็พบว่ามีหลายมลรัฐที่มีกฎหมายห้าม เช่น ในรัฐโอไฮโอ ห้ามไม่ให้มีการโปรโมตทางการเมืองที่อาจมีผลต่อการเลือกตั้งไม่ว่าทางตรงหรืออ้อมในโรงเรียน และยังห้ามแจกเอกสารที่มีการโฆษณานักการเมือง หรือโจมตีคู่แข่งทางการเมือง [10] ในขณะเดียวกันที่รัฐโอเรกอน ก็มีห้ามการใช้สัญลักษณ์ทางการเมืองทุกชนิดในสถานศึกษา เช่น เรื่องเพศ ธง LGBTQ Black live matter [11]
การแอบมาสอนหนังสือแล้วแอบแปะตราพรรคก้าวไกลในเอกสารประกอบการบรรยาย หรือ powerpoint เฉกเช่นกรณีนี้ ย่อมผิดกฎหมายอเมริกา
ประเทศอังกฤษ
มี Education Act 1996 มาตรา 406-407 ห้ามครูผู้สอนหรือจัดคนสอนจากข้างนอกนำเสนอความคิดหรือกิจกรรมทางการเมืองแบบด้านเดียวต่อนักเรียนอายุต่ำกว่า12 ปี ไม่ว่าจะในวิชาไหนก็ตาม หากมีการนำเสนอ จะต้องจัดให้มีการนำเสนอความคิดฝั่งตรงข้ามเพื่อรักษาสมดุลทางความคิดด้วยทุกครั้ง [12] นอกจากนี้ ในมาตรา 2 ของ Local Government Act 1986 ก็ ห้ามส่วนการปกครองท้องถิ่น จัดให้มีการสอนที่เอนเอียงไปทางพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะด้วย ไม่ว่าทำโดยอาจารย์หรือบุคคลภายนอกโรงเรียนก็ตาม [13]
โดยสรุป จะเห็นว่า การแอบเข้าไปเสี้ยมสอนเด็กในการเมืองหรือในประเด็นอื่น ๆ ที่มีความอ่อนไหวมีผลต่อสังคม นั้นในโลกประชาธิปไตยเขาเห็นว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง และอาจผิดกฎหมายได้ทั่วโลก เป็นการใช้เด็กเป็นเครื่องมือ แม้แต่การแอบเข้าไปสอนเด็กหรือสอนอาจารย์เพื่อให้ไปสอนเด็กต่อ ในวิชา coding แล้วแอบโฆษณาพรรคตัวเองผ่านเอกสารการประกอบการสอน และให้ติดตามเพจตัวเอง ทำแบบนี้ทั้งนักประชาธิปไตยและนักสิทธิมนุษยชนเขาไม่ทำกัน โดยเฉพาะคนที่สอบไม่ติด ผลการเรียนย่ำแย่มากทั้งปริญญาตรีและโทและไม่ว่าจะทำอะไร [14] ปล่อยเฟคนิวส์ และมีคดีติดตัวแบบนายธนาธร ยิ่งไม่สมควรมาสอนเด็กไม่ว่าที่ไหนบนโลก
หากพบเห็นหรือสงสับว่ามีพฤติกรรมล้างสมองเด็กในโรงเรียนไม่ว่าจากใคร ติดต่อ
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โทร. 02-288-5795
หรือติดต่อสายด่วนกระทรวงศึกษาธิการ โทร. 1579
อ้างอิง :
[1] “ธนาธร” ท้าเคลียร์ผู้ว่าฯสมุทรปราการ ต่อหน้า ปชช.ปมเบรก “คณะก้าวหน้า” อบรมครูเทศบาล “เก่ง” ท้าขับออก
[3] อ่าน ‘ธนาธร’ พูดอะไร ถึงเจอข้อหาล้างสมองเด็ก ระหว่างโฟนอินกับ น.ร.โรงเรียนดัง
[4] ภัยคุกคามไทยในสถานศึกษา NGO ครอบงำ อดีต ผอ.แนะ รมว.ศึกษาฯ ย้ำหน้าที่พลเมือง
[5] ประสิทธิ์ โฆวิไลกูล, คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยบุคคล, สำนักพิมพ์นิติธรรม พิมพ์ครั้งที่ 5 , น 55,57
[6] Don’t let the left keep brainwashing our kids to fight their political wars
[7] I’m a Former Teacher. Here’s How Your Children Are Getting Indoctrinated by Leftist Ideology
[8] Landmark Case: Freedom of Expression, Wilful Promotion of Hatred, and the Charter – R. v. Keegstra
[9] Alberta passes law allowing parents to pull kids out of class
[10] Political activity on school property: What legal restrictions apply?
[11] Oregon school board adopts stricter political symbols ban
[13] Pre-election guidance for schools and multi-academy trusts
[14] ‘ธนาธร’ คือใคร อ่านใบหน้าและความคิดผ่าน ‘Portrait ธนาธร’