เยอรมนีเอาจริง พร้อมหยุดพึ่งพาพลังงานรัสเซีย ให้ได้ภายในสิ้นปี ค.ศ. 2022
Olaf Scholz นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวเมื่อวันศุกร์ (8 เม.ย.) ว่า เยอรมนีอาจยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียภายในปีนี้
ระหว่างการแถลงข่าวในลอนดอนร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Scholz ได้ตอบคำถามนักข่าวที่ถามว่าเขารู้สึกละอายใจไหมที่สหภาพยุโรปจ่ายค่าเชื้อเพลิงให้กับรัสเซียเป็นเงินหลายพันล้านยูโร ดังนี้
“พวกเรากำลังดำเนินการอย่างแข็งขันในการพยายามยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และเราคิดว่าจะทำสำเร็จภายในปีนี้ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย เนื่องจากจะต้องมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นท่อส่งก๊าซที่เชื่อมต่อไปถึงชายฝั่งทางเหนือของเยอรมนี และท่าเรือสถานีรับ-จ่ายก๊าซ เพื่อที่เรือ LNG จะสามารถเข้าเทียบท่าเพื่อจ่ายก๊าซให้กับเยอรมนี”
นอกจากนี้ สหภาพยุโรปได้อนุมัติมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียครั้งใหม่ในสัปดาห์นี้ รวมถึงได้สั่งห้ามการนำเข้าถ่านหิน ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในเดือนสิงหาคมนี้ด้วย และเยอรมนีได้เพิ่มความพยายามในการลดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย หลังการรุกรานยูเครนของรัสเซียเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ปัจจุบันตัวเลขการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของเยอรมนีลดลงเหลือ 25% จาก 35% ก่อนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่วนตัวเลขการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียลดลงเหลือ 40% จาก 55% และการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียลดลงเหลือ 25% จาก 50% ก่อนสงครามรัสเซีย-ยูเครน
โดยตัวเลขการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียของเยอรมนีในไตรมาสแรกอยู่ที่ 40% ซึ่งเยอรมนีต้องการลดสัดส่วนการนำเข้าก๊าซให้เหลือ 24% ภายในฤดูร้อนปีนี้ แต่ในทางปฏิบัติเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปอาจต้องใช้เวลาถึงฤดูร้อนปี 2024 ในการยุติการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย
สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจเยอรมนี (DIW) กล่าวในบทความวิชาการที่ตีพิมพ์เมื่อวันศุกร์ (8 เม.ย.) ว่า เยอรมนีอาจสามารถจัดหาก๊าซได้เพียงพอสำหรับฤดูหนาวโดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากรัสเซีย ด้วยการนำเข้าจากซัพพลายเออร์ทางเลือกอื่น ๆ รวมถึงบังคับใช้มาตรการประหยัดพลังงานอย่างสุดโต่ง
นอกจากนี้บทความดังกล่าวยังระบุว่า นอร์เวย์ และเนเธอร์แลนด์ สามารถเติมเต็มช่องว่างบางส่วนที่เกิดขึ้นจากการห้ามนำเข้าก๊าซรัสเซีย และสามารถจัดหาก๊าซมากขึ้นผ่านการส่งมอบทางเรือ LNG ไปยังสถานีปลายทางในเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส