
เข้าใจกับดัก กลโกงทางธุรกรรม
กลโกงในการทำธุรกรรมทางการเงินได้ดำรงอยู่ในสังคมโลกมนุษย์มานานตั้งแต่สมัยที่ยังมีการซื้อขายด้วยการแลกเปลี่ยนสิ่งของ ที่เป็นรูปแบบการค้าแรก ๆ ของสังคมมนุษย์ การซื้อขายผ่านสินทรัพย์ที่ชื่อว่า “เงิน” ที่ใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนที่มีมาตรฐานรองรับค่าเงิน ซึ่งก็เริ่มมีกลโกงทางการเงินเข้ามาอะไรมากมาย เช่น การปั่นราคาสินค้าหนึ่งให้สูงเกินจริง การซื้อขายสินค้าที่ไม่ได้มีคุณภาพตามที่ได้นำเสนอไว้ ฯลฯ
จนถึงช่วงสมัยที่การทำธุรกรรมมีความซับซ้อนมากขึ้น มีวิธีการทำธุรกรรมที่มีความหลากหลายสูง เช่น บัตรเครดิต/เดบิต การทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์โดยใช้สินทรัพย์จริงและสินทรัพย์เสมือน ก็มีกลโกงที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกระดับหนึ่งเพื่อป้องกันการถูกจับได้และสามารถหลอกล่อเหยื่อได้แนบเนียนยิ่งขึ้น
จากที่กล่าวมาข้างต้น กลโกงในทางการเงินเองก็มีการพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งกลโกงเหล่านี้ก็มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่รูปแบบพื้นฐานที่เป็นการทุจริตในการทำธุรกรรมแบบตัวต่อตัว จนถึงการทุจริตในธุรกรรมที่มีระดับความซับซ้อนสูงและมีการใช้กลยุทธ์หลอกล่อให้ติดกับดักในกลโกงดังกล่าวเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ส่วนตัวและบางครั้งก็เพื่อความสะใจส่วนตัวในการหลอกล่อคนทำธุรกรรมทางการเงินให้เสียหาย
โดยวิธีการที่มักพบได้บ่อยครั้ง มีหลากหลายวิธีการ วิธีแรก ๆ ที่เป็นวิธีการทั่วไป คือ การหลอกล่อว่า การทำธุรกรรมดังกล่าวจะได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมากโดยไม่มีพื้นฐานของการได้รับผลตอบแทนที่เป็นจริง ตรงนี้หลายคนเป็นเหยื่อจากผลตอบแทนที่สุดท้ายแล้วก็ไม่เกิดขึ้นจริงและก็สูญเสียเงินที่ลงทุนอย่างน่าเสียดาย
รวมทั้งการใช้ราคาที่ถูกเกินจริงหรือสิ่งหลอกล่อต่าง ๆ ในการดึงดูดให้ทำธุรกรรม ซึ่งเป็นเอาราคาที่ถูกเกินจริงมาล่อให้ผู้ซื้อเข้ามาซื้อสินค้าดังกล่าว
สุดท้ายก็ชักดาบหนี กลายเป็นการฉ้อโกงการทำธุรกรรมนั้น ๆ และที่จริงแล้วกลโกงเหล่านี้ก็มีหลายร้อยปี ซึ่งสิ่งเหล่านี้แม้ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนก็ยังคงมีเหตุการณ์แบบนี้มาเรื่อย ๆ เพราะของถูก คนก็ยอมอยากได้ และอาจไม่ได้สังเกตความผิดปกติของการซื้อขายที่ดูแปลก ๆ ไป
ซึ่งผลที่ตามมาจากธุรกรรมทุจริตในทางการเงิน คือ ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ต้องสูญเสียจากกลโกงเหล่านี้เป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าในหลายกรณีจะสามารถติดตามเม็ดเงินเหล่านี้กลับมาได้แต่ก็มีหลายกรณีที่การติดตามเม็ดเงินถือว่ายากลำบากอยู่พอสมควร
แต่นอกเหนือจากความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้วก็ยังมีความเสียหายทางสังคมที่เกิดความหวาดระแวงในการทำธุรกรรมต่าง ๆ และเป็นการเพิ่มต้นทุนการเสียโอกาสของผู้คนในสังคมในระยะยาว เพราะขาดความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางการเงินกันและกัน กลายเป็นอุปสรรคก้อนใหญ่ในการขยับขยายขีดความสามารถทางเศรษฐกิจทั้งในระดับบุคคลและส่วนร่วมในปัจจุบัน
ทั้งหมดที่กล่าวมาจึงเป็นการตอบย้ำถึงความสำคัญในการป้องกันการถูกกับดักกลโกงที่มักเข้ามาในการทำธุรกรรมซึ่งการป้องกันการทุจริตทางการเงินสามารถทำได้ทั้งในนามบุคคลและองค์กร
และการรับรู้ทั้งกลโกงทางการเงินและวิธีการรับมือก็ย่อมเป็นการเตรียมพร้อมกับการใช้ชีวิตในสังคมโลกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในสถานการณ์โลกปัจจุบันที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจในระดับที่สูงขึ้น
โดยวิธีที่สามารถป้องกันได้ดีที่สุด คือ ระมัดระวังในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะในธุรกรรมที่ไม่ได้มีการรับรู้ข้อมูลตัวตนของผู้ร่วมทำธุรกรรม และอีกวิธีหนึ่งที่ก็สำคัญเช่นกัน คือ การทำธุรกรรมผ่านระบบที่มีการตรวจสอบและรับรอง เพราะในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ถึงแม้ว่าจะระมัดระวังก็ยังถูกหลอกได้ การทำธุรกรรมในช่องทางที่ตรวจสอบได้จะช่วยเพิ่มโอกาสของการคุ้มครองเม็ดเงินที่ถูกฉ้อโกงไปได้พอสมควร
ดังนั้นแล้ว การทำธุรกรรมโดยไม่ดูสภาพความเป็นจริงก็เหมือนการขับรถไปในพื้นที่ที่ไม่รู้จัก และไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอะไรตรงหน้า และสุดท้ายนี้จากประวัติศาสตร์โลกได้สอนให้มนุษย์อย่างยาวนานในเรื่องการเข้าใจโลกอย่างหนึ่งว่า ดีเกินไป ที่จะเป็นความจริง ซึ่งเป็นการทำความเข้าใจเรื่องการได้รับผลตอบแทนที่ต้องมีแลกเปลี่ยนและการแลกเปลี่ยนที่ไม่ปกติก็ย่อมเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นความจริงอยู่เสมอ
โดย ชย
“การปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์” การปฏิวัติที่จะสร้างประวัติศาสตร์ฉากใหญ่ เฉกเช่นเดียวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในอดีต
ทำความเข้าใจถึงข้อจำกัดของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรุกล้ำ ที่ราชพัสดุ และแนวนโยบายการแก้ไขปัญหาของราชการไทย
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม