
ไม่เอา LGBTQ ประเทศแถบแอฟริการ่วมใจกันต่อต้าน ลัทธิ LGBTQ ที่ถูกยัดเยียดโดยตะวันตก
โมฮาเหม็ด อาลี สมาชิกรัฐสภาของเคนยาไม่เชื่อว่าเกย์ชาวแอฟริกันมีอยู่จริง เขากล่าวว่าการรักร่วมเพศเป็นสิ่งประดิษฐ์ของชาวตะวันตกที่นำมายัดเยียดให้กับทวีปแอฟริกา โดยเสริมว่าชาวแอฟริกันที่แสดงตนเป็นเกย์อย่างเปิดเผยเป็นพวกลวงโลกที่ทำไปเพียงเพราะต้องการขอวีซ่าไปยังประเทศตะวันตก หรือขอเงินจากกลุ่มสิทธิมนุษยชน
อาลี ต้องการอย่างมากที่จะเดินตามรอยประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูกันดา ด้วยการออกกฎหมายกวาดล้างกลุ่ม LGBTQ ถึงขั้นกล่าวว่า ต่อให้เขากำลังนอนป่วยอยู่ในห้องไอซียู เขาก็จะขอให้ใครสักคนมาช่วยลากเขาไปลงมติเห็นชอบ เพื่อขับไล่กลุ่ม LGBTQ
“ผมจะขอให้พวกเขาพาไปลงคะแนนเพื่อไล่พวก LGBTQ ออกจากเคนยาให้หมด ไม่ให้เหลือ” อาลี กล่าว
หลายสัปดาห์หลังจากที่ยูกันดาประกาศใช้กฎหมายต่อต้าน LGBT ที่เข้มงวดที่สุดฉบับหนึ่งของโลก เคนยาก็พร้อมที่จะเดินตามด้วยการร่างกฎหมายที่มีรูปแบบคล้ายกัน ซึ่งจะลงโทษพฤติกรรมรักร่วมเพศด้วยการจำคุก หรือถึงขั้นประหารชีวิตในบางกรณี
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันนี้ก็กำลังดำเนินอยู่ในแทนซาเนียและซูดานใต้ ซึ่งแสดงให้เห็น ถึงการขับเคลื่อนทางกฎหมายเพื่อต่อต้าน LGBT ทั่วทั้งแอฟริกาตะวันออก
ส.ส.ระดับภูมิภาคบางคนถึงขั้นตีกรอบประเด็นนี้ว่า เป็นการต่อสู้เพื่อรักษาคุณค่าและอำนาจอธิปไตยของชาวแอฟริกัน ซึ่งพวกเขากล่าวว่าถูกชาติตะวันตกกดดันอย่างหนักให้ยอมจำนนต่อสิทธิกลุ่ม LGBTQ
ร่างกฎหมายคุ้มครองครอบครัวของเคนยา สะท้อนกฎหมายต่อต้าน LGBT ของยูกันดาซึ่งลงนามโดยประธานาธิบดีโยเวรี มูเซเวนี เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชุมชน LGBT, นักสิทธิมนุษยชน และรัฐบาลของประเทศตะวันตก ในหลายแง่มุม
กฎหมายดังกล่าวกำหนดโทษจำคุก 10 ปีสำหรับพฤติกรรมรักร่วมเพศ ขณะที่ ‘พฤติกรรมรักร่วมเพศขั้นร้ายแรง’ (aggravated homosexuality) ซึ่งรวมถึงการมีเพศสัมพันธ์แบบเกย์กับผู้เยาว์หรือผู้พิการ หรือในขณะที่ผู้กระทำมีเชื้อเอชไอวี มีโทษถึงประหารชีวิต
ปีเตอร์ คาลูมา ผู้เขียนร่างกฎหมายดังกล่าว ระบุว่า การผลักดันให้ผ่านกฎหมายที่คล้ายคลึงกันกับกฎหมายต่อต้าน LGBT ของยูกันดา ส่วนหนึ่งมีแรงจูงใจมาจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับยูกันดา ซึ่งต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาติตะวันตกเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว และยังถูกสหรัฐฯ ประกาศห้ามเจ้าหน้าที่รัฐเดินทางเข้าประเทศ
“ทั่วทั้งทวีปเราต้องการให้มีกฎหมายเหล่านี้” คาลูมา กล่าวพร้อมเสริมว่า “ถ้าชาติตะวันตกจะคว่ำบาตรยูกันดา ก็ขอให้คว่ำบาตรทั้งแอฟริกา”
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ต่อต้านกฎหมายใดๆ ที่จำกัดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มเปราะบาง และกล่าวว่ารัฐบาลควรดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนมีเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
“สหรัฐฯ จะยกระดับความพยายามทั่วโลกอย่างต่อเนื่องในการปกป้องชาว LGBTQI+ จากความรุนแรงและการล่วงละเมิด การก่ออาชญากรรม การเลือกปฏิบัติ และการตีตรา รวมถึงการส่งเสริมขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ” โฆษก กล่าว