รู้ที่มาของคำว่า “ซ้าย” และ “ขวา” วาทกรรมตีตรามวลชนปลุกเร้าให้แตกแยก “เพื่อปกครอง”
ในการประชุมสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศส ปี 1789 บารอน เดอ โกวีลล์ (Baron de Gauville) กล่าวขึ้นว่า “พวกเราเริ่มจำกันได้แล้ว บรรดาท่านผู้ภักดีต่อศาสนาและพระมหากษัตริย์ ขอเชิญนั่งเก้าอี้ทางด้านขวา เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องตะโกน คำสาบาน และคำหยาบคายของเหล่าผู้เพลิดเพลินต่อเสรีปราศจากการควบคุม” [1]
เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ฝรั่งเศสอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งที่ 1 และอยู่ในช่วงเวลาที่แนวคิดแตกออกเป็น 2 ทางคือฝ่ายที่ยังจงรักภักดีต่อศาสนาและพระมหากษัตริย์ และฝ่ายเสรีนิยม และเพื่อไม่ให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจจากการที่สมาชิกสภารอบรอบ ๆ ตัวกระทำการที่จะทำให้สมาชิกรู้สึกไม่พึงพอใจด้วยการกล่าวคำที่ไม่น่าพึงพอใจ จึงจัดให้สมาชิกที่มีความเห็นคล้ายคลึงกันนั่งอยู่รวมกันในสภานั่นเอง [2]
การจัดที่นั่ง ซ้าย-ขวา ตามอุดมการณ์ทางการเมือง เกิดขึ้นครั้งแรกเนื่องจากเหตุการณ์ปฏิวัติ 1848 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วยุโรป และเกิดการแบ่งขั้วอุดมการณ์ออกเป็น 2 ขั้วหลัก ๆ คือ “สังคมนิยมประชาธิปไตย” และ “อนุรักษ์นิยม” และมีการแบ่งกันด้วยสี จนกระทั่งถึงยุคสาธารณรัฐที่ 3 ของฝรั่งเศสจึงมีการใช้คำ “ซ้าย” “ขวา” ที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การแบ่งขั้วการเมืองนี้ ถึงแม้ว่าจากจุดเริ่มต้น จะเป็นเพียงเพื่อการกำหนดที่นั่งในสภา ซึ่งเป็นเพียงการแบ่งแบบ 1 มิติ และต่อมา มีการจับคู่ตามลักษณะแนวคิดทางการเมืองเช่น “เสรีภาพ – อำนาจนิยม”, “เท่าเทียม – มีชนชั้น”, “ก้าวหน้า – อนุรักษ์” หรือ “พลเมืองโลก – ชาตินิยม” ซึ่งทั้งหมดนี้เรียกในทางวิชาการว่า “สเป็กตรัมการเมือง” (political spectrum) และนับตั้งแต่การปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 เป็นต้นมา แนวคิดทางการเมืองถูกพัฒนาจนมีความหลายหลายมากขึ้น จนมิอาจจะใช้แกน 1 หรือ 2 มิติ มาเป็นตัวชี้วัดอ้างอิงได้อย่างเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการแบ่งแนวคิดทางการเมืองตามหลักวิชารัฐศาสตร์ ที่มีจุดเริ่มต้นจากการแบ่งที่นั่งกันในสภา
แต่ช่วงสงครามเย็น โลกถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว คือขั้วขวา – เสรีนิยม และ ซ้าย – สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ และเกิดการแข่งขันระหว่างกัน เพื่อชัยชนะทางการเมืองประชาชนจากทั้ง 2 ขั้วนั้น ถูกปลุกปั่นให้เกลียดชังกัน และมีการป้อนข้อมูลผิด ๆ ให้ผู้คนหวาดกลัว
ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2516 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการแบ่งขั้ว ขวา – ซ้าย ที่ชัดเจนในสมัยนั้น โดย ขวา ในเหตุการณ์ หมายถึง อเมริกา โดย CIA (ทุนนิยมเสรี), รัฐบาลทหาร (อำนาจนิยม) และ ลูกเสือชาวบ้านและกลุ่มกระทิงแดง (ชาตินิยม) ในขณะที่ซ้าย หมายถึงกลุ่มสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ นั่นเอง
ยุคนั้น ต่างฝ่ายต่างเกลียดชังซึ่งกันและกัน และนี่คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรม ที่คนไทยฆ่ากันเอง เพียงเพราะว่าคิดไม่เหมือนกัน
แต่ทว่า ในปัจจุบัน เค้าลางของการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งซ้าย แบ่งขวา เริ่มจะกลับเข้ามาสู่สังคมไทย และเริ่มมีชุดความคิดที่ต้องการจะทำลายล้าง เข่นฆ่าคนคิดต่าง แบ่งแยกผู้คนให้แปลกแยกออกจากกัน
ที่น่าตลกคือ ในครั้งนี้ อเมริกากลับเป็นฝ่ายหนุนหลังฝ่ายซ้าย ที่เคยเป็นขั้วฝั่งศัตรู ช่างสมดังคำ “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร มีแต่คำว่าผลประโยชน์” ยิ่งนัก [9] [10]
หันกลับไปมองช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ซึ่งช่วงเวลานั้นมีคนคิดต่างกันอย่างชัดเจน จนต้องมีการจัดเก้าอี้ ระบุที่นั่งตามแนวคิดทางการเมืองกัน แต่ก็ยังเคารพกรอบกติการ่วมกัน จึงอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก จนกระทั่งมีบางคนปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังกัน จนผู้คนเข่นฆ่ากันไปมา
นี่สังคมไทย กำลังเดินถอยหลังไปสู่ความป่าเถื่อนไร้อารยะ อย่างนั้นหรือ ?
อ้างอิง :
[1] Wrong Turnings: How the Left Got Lost
[2] Left and Right: The Significance of a Political Distinction
[3] Pierre Nora, Lawrence D. Kritzman (1996), “Realms of Memory: Conflicts and divisions”
[4] How we know what Left and Right actually mean: who’s who, 1789-1917
[5] Where Did the Terms ‘Left Wing’ and ‘Right Wing’ Come From?
[7] เปิดเอกสารลับ เหตุการณ์ 6 ตุลาจากการสายตาของCIA
[8] ย้อน’เหตุการณ์ 6ตุลา’ เตือนสติคนไทย อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!
[9] What is the US National Endowment for Democracy (NED)?
[10] Thailand: US-backed Billionaire Opposition Leader Spotted at Today’s Rally