“ความเป็นไปได้: ราคาน้ำมันอาจถูกลง เมื่อรถไฟรางคู่สำเร็จ”

“ความเป็นไปได้: ราคาน้ำมันอาจถูกลง เมื่อรถไฟรางคู่สำเร็จ”

ซึ่งไม่ช้าไม่นานนับจากนี้ เมื่อเส้นทางรถไฟรางคู่เสร็จ อาจมีส่วนช่วยค่าครองชีพคนไทยจากน้ำมันที่ถูกลง

ตอนนี้ในไทยมีการขนส่งสินค้าด้วยพาหนะ 4 ประเภท ได้แก่

1.รถไฟ 2.รถพ่วง 3.เรือ 4.เครื่องบิน

ทีนี้เราลองมาเปรียบเทียบกันครับว่า การขนส่งสินค้าช่องทางไหนคุ้มค่ามากที่สุด แล้วถ้าต้นทุนการขนส่งลดลง ราคาสินค้าควรที่จะถูกลงหรือไม่ ?

The Structure ขอหยิบยกตัวอย่างสินค้า “น้ำมัน” ที่มีมาตรวัดเป็นปริมาณที่ชัดเจน มาเปรียบเทียบให้ดูกันดังนี้

เครื่องบิน : ขนส่งสินค้าได้น้อยและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก พร้อมกับมีข้อจำกัดว่าสินค้าบางชนิดไม่สามารถขนส่งทางอากาศได้ ยกตัวอย่างเช่น น้ำมัน ท่อนไม้ใหญ่ เป็นต้น

เรือบรรทุกสินค้า : ขนส่งน้ำมันได้ประมาณ 500,000 ลิตรต่อรอบ แต่ต้องมีท่าเรือในการขนส่ง และใช้เวลาเดินเรือค่อนข้างนาน หรือบางจังหวัดต้องโอนถ่ายสินค้าขึ้นรถบรรทุกเพื่อส่งอีกรอบ ทำให้มีค่าใช้จ่าย 2 ต่อ

รถบรรทุกน้ำมัน : ขับส่งน้ำมันได้ประมาณ 20,000 ถึง 45,000 ลิตรต่อรอบ แต่ต้องใช้คนขับเพื่อส่งสินค้าหลายรอบ ถึงจะเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าช่องทางอื่น

รถไฟ : หนึ่งโบกี้ ขนส่งน้ำมันได้ประมาณ 33,000 ลิตร โดยขบวนรถไฟจะมีประมาณ 10 โบกี้ ซึ่งการขนส่งต่อรอบจะบรรจุน้ำมันได้มากถึง 330,000 ซึ่งการขนส่งด้วยรถไฟนั้นค่อนข้างรวดเร็ว สามารถขนส่งได้ทีละปริมาณมากต่อรอบ มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า และปลอดภัยมากที่สุด

จากการเปรียบเทียบข้อมูลดังกล่าว เห็นได้ชัดเลยว่าการขนส่งน้ำมันด้วยรถไฟ เป็นช่องทางที่มีต้นทุนการขนส่งต่ำที่สุด แต่มีความปลอดภัยมากที่สุด นั่นแปลว่า เมื่อเส้นทางรถไฟที่กำลังดำเนินการอยู่ในตอนนี้ทั้งหลายนั้น สำเร็จเสร็จลง ก็จะทำให้เรามีเส้นทางรถไฟที่มากขึ้น ยาวขึ้น และครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งข้อนี้นี่แหละ ที่จะเป็นประโยชน์ในหลายต่อ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมและการขนส่งครับ

ทั้งนี้ คาดว่า 5 เส้นทางรถไฟใหม่ ที่เรากำลังนับถอยหลังรอวันเปิดใช้ภายในปีนี้นั้น   เมื่อเริ่มเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ น่าจะมีส่วนสำคัญในการส่งผลช่วยให้ค่าครองชีพของคนไทยเกิดการปรับตัวลงได้อีก ตามต้นทุนการขนส่งสินค้าที่ลดลง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ประกอบการหันมาขนส่งสินค้าด้วยรถไฟแทนรถบรรทุก ต้นทุนการขนส่งก็จะลดลง และทำให้ของบางอย่างอาจมีราคาถูกลงตามไปด้วยนั่นเอง