
กรณีศึกษาฟิลิปปินส์ เป็นเมืองขึ้นแล้วเจริญ
“เป็นอาณานิคมของต่างชาติ จะได้เก่งภาษาและเจริญ” เป็นคำกล่าวของใครบางคนที่มองว่า ความเจริญของประเทศตนด้อยกว่าและมองว่า การถูกยึดครองหรือทำให้เป็นอาณานิคมก็จะทำให้เจริญเหมือนกับอดีตเมืองท่าต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ทั้งที่การตกเป็นอาณานิคมหมายถึงการกลายเป็นแหล่งทรัพยากรและพื้นที่ยุทธศาสตร์ของประเทศที่ยึดครอง และกว่าที่จะปลดปล่อยเป็นประเทศเอกราชได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ความคิดนี้ทำให้นึกถึงฟิลิปปินส์ ที่เป็นอดีตอาณานิคมมาหลายร้อยปีและเป็นบทเรียนที่สำคัญในการศึกษา
โดย “ฟิลิปปินส์” จัดว่าเป็นอดีตอาณานิคมที่เคยเป็นอาณานิคมมาหลายร้อยปีตั้งแต่ช่วงที่จักรวรรดิสเปนเข้ามายึดครองและรวบรวมรัฐฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งเดียวเพื่อปกครอง ซึ่งการเข้ามาของสเปนตอนนั้นคือการก่อร่างวัฒนธรรม ค่านิยม ความเชื่อของคนฟิลิปปินส์ร่วมกันขึ้นมาเป็นครั้งแรก ทั้งที่ก่อนหน้าวิถีชีวิตของชาวฟิลิปปินส์มีความกลากหลายสูง และไม่ได้มีแนวคิดร่วมกันมากนัก เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ที่มีหมู่เกาะอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น วัฒนธรรมของสเปนจึงมีอิทธิพลในการครอบงำฟิลิปปินส์อย่างเข้มข้นในฐานะวัฒนธรรมหลักแทนที่วัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เป็นร่องรอยที่ยังคงอยู่มาถึงวันนี้คือ ชื่อของคนฟิลิปปินส์หลาย ๆ คนที่มักมีชื่อเป็นภาษาสเปน นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และมีประเพณีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกับทางสเปนอยู่พอสมควร
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว หลังจากที่สหรัฐอเมริกาเข้ามาปกครองฟิลิปปินส์ต่อจากสเปน เป็นหัวเลี้ยวตัวต่อสำคัญที่ทำให้ฟิลิปปินส์มีตัวตนอย่างที่เป็นอยู่ ด้วยเหตุที่ สหรัฐอเมริกามีการลงทุนในฟิลิปปินส์เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในด้านการศึกษา และได้นำภาษาอังกฤษเข้ามาในประเทศ ซึ่งได้รับความนิยมแทนที่ภาษาสเปนอย่างรวดเร็วควบคู่กับภาษาท่องถิ่น จึงทำให้คนฟิลิปปินส์ส่วนหนึ่งมีทักษะด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษในประเทศ
นอกจากนี้สหรัฐอเมริกายังมีการวางระบบโครงสร้างการปกครองของประเทศฟิลิปปินส์ในฐานะอาณานิคมอย่างจริงจังซึ่งมีความแตกต่างจากอาณานิคมของประเทศอื่น ๆ ที่มุ่งเน้นการดูดทรัพยากรธรรมชาติเข้าประเทศแม่เป็นหลัก ด้วยเหตุที่สหรัฐอเมริกาต้องการใช้ฟิลิปปินส์ในฐานะพื้นที่ยุทธศาสตร์ของตนและเป็นพื้นที่อิทธิพลในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ดังนั้น คนฟิลิปปินส์ส่วนหนึ่งในปัจจุบันก็มักจะมีความนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมากถึงกับยอมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาเสียทีเดียวด้วยเหตุที่สหรัฐอเมริกาเคยสร้างความเจริญไว้ในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งที่ความเจริญดังกล่าวเกิดจากการแสวงหาผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาที่ก็ยังเกิดขึ้นในความรับรู้ของทุกคน
ทั้งหมดนี้จึงสะท้อนถึงความเป็นอาณานิคมที่บางครั้งไม่ได้จบลงพร้อมกับการเป็นชาติเอกราชแต่ยังมาในรูปของร่องรอยที่ส่งต่อมาอย่างต่อเนื่องทั้งวัฒนธรรม ภาษา รวมทั้งค่านิยมของผู้คน ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าประเทศที่เคยปกครองได้ฝังรากอะไรไว้บ้างและได้กลายเป็นอะไรในวันนี้ซึ่งในสังคมปัจจุบันย่อมมีคำถามว่า “จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องเป็นอาณานิคมหรือถูกยึดครองโดยชาติที่เจริญกว่า เพื่อที่จะทำให้ชาติของตนเจริญตาม หรือว่าเราสามารถเจริญด้วยตนเองโดยไม่ต้องถูกยึดครองโดยชาติที่เจริญกว่า” และรอคอยคำตอบเหล่านั้นกันต่อไป